Chapter 3: Those Who Pick Up, Those Who Are Picked Up
Part 1
เดือน8 วันที่ 26 เวลา 15.27
หลังจากส่งหญิงชราที่บ้านแล้ว เซบาสได้เดินทางกลับจุดหมายเดิมอีกครั้ง
เขาเดินมาสู่กำแพงที่ยาวสูงที่นึง
มันเป็นอาคารสามหลังแต่ละอาคารสูงถึงห้าชั้น ความสูงของมันสูงจนน่าประทับใจและความจริงคือมันสูงกว่า
อาคารโดยรอบทั้งหมด
หอคอยแห่งนี้ยังถูกล้อมรอบด้วยอาคารสองชั้นติดกับอาคารหลัก
นี้คือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สมาคมเวทมนตร์แห่งราชอาณาจักร พวกเขาต้องการพื้นที่กว้างขวาง
สำหรับการพัฒนาเวทมนตร์และอมรมเหล่านักเวทย์รุ่นใหม่ เหตุผลที่พวกเขาสามารถซื้อที่ดินขนาด
ใหญ่แบบนี้ได้โดยไม่มีการสนับสนุนจากประเทศเป็นเพราะการขายไอเท็มเวทมนตร์ที่นักผจญภัยต้อง
ใช้เป็นอย่างมาก
หลังจากที่เซบาสเดินไปอีกสักเล็กน้อยเขาก็เห็นประตูที่ดูแข็งแรง มันเป็นประตูรั้วที่ตอนนี้เปิดอยู่
โดยมีทหารติดอาวุธประจำการอยู่ใกล้ๆ
ทหารไม่ได้กีดขวางใดๆเซบาส -พวกเขามองผ่านๆ- และให้เซบาสผ่านเข้าไป
มีบรรไดกว้างๆที่อยู่ด้านหน้าและประตูที่เปิดกว้างอย่างสง่าและชัดเจน โดยปกติแล้วประตูนี้เปิดไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว
หลังจากที่เข้ามาเซบาสเข้ามาอยู่ห้องโถงทีี่เป็นทางเข้าขนาดเล็กๆ โดยมีโคมไฟเวทมนตร์ห้อยประดับ
ระหว่างทาง
ทางด้านขวามีจุดพักเล็กๆเป็นโซฟาและเฟอร์นิเจอหลายชิ้น ทางด้านซ้ายมีบอร์ดสำหรับแจ้งเรื่องต่างๆและมีผู้ใช้เวทมนตร์กำลังสนทนากันอยู่บ้าง บางคนสวมเสื้อคลุมที่ดูเป็นผู้ใช้เวทมนตร์บางคนก็แต่งตัวแบบนักผจญภัยทั่วไป
ด้านในสุดเป็นเคาน์เตอร์ที่มีหญิงสาวกับชายหนุ่มนั้งอยู่ พวกเขาสวมเสื้อคลุมและมีป้ายติดอยู่ที่หน้าอก
มันเป็นสัญลักษณ์เดียวกับทางเข้าหน้าตึก
ทั้งสองด้านของเคาน์เตอร์มีหุ่นตุ๊กตาไม้ยืนอยู่ มันมีความสูงเท่าๆกับมนุษย์เพียงแค่ไม่มีใบหน้าหรือจะเรียกได้ว่ามันคือโกเล็มไม้ เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ใช้ทหารยามทั่วไปเป็นเพราะมันคือความภาคภูมิใจของสมาคมเวทมนตร์
เสียงรองเท้าของเซบาสดูมั่นคงและสม่ำเสมอขณะเขาเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์
ชายหนุ่มที่เคาน์เตอร์สังเกตเห็นเซบาสจึงทักทายเซบาสด้วยการมองอย่างเป็นมิตร.เซบาสพยักหน้าตอบกลับเซบาสเป็นลูกค้าประจำของที่นี้ดังนั้นทั้งสองคนเลยรู้จักกันดี
"ยินดีต้อนรับสู่สมาคมเวทมนตร์ท่านเซบาส วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรอครับ"
"ฉันอยากซื้อม้วนคำภีร์เวทมนตร์หน่อยหน่ะ ขอดูจากรายการที่มีอยู่ได้ไหม"
"ได้ครับผม"
เด็กหนุ่มรีบหยิบหนังสือเล่มโตมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ เขาต้องรีบเตรียมพร้อมเพราะเห็นเซบาสเข้ามาใกล้
หน้าหนังสือทำมาจากกระดาษคุณภาพสูงมันบางและขาวดั่งหิมะโดยมีปกที่ทำมาจากหนัง เป็นหนังสือบทความที่มีความประณีตมากตัวอักษรถูกตราตรึงไว้ในทองคำแค่มูลค่าของหนังสือเล่มนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ขอทานศรัทธาได้
น่าเสียดายที่เซบาส ไม่สามารถอ่านมันได้ หรือจะพูดได้ว่าสิ่งมีชีวิตจากYGGDRASILไม่รู้จักภาษาของโลกใบนี้ แม้จะมีหลักการประหลาดที่ทำให้เข้าใจภาษาพูดกันได้ แต่ภาษาเขียนไม่ได้ถูกแปลไว้ด้วย
อย่างไรก็ตามนายเหนือหัวของเซบาสได้ให้ไอเท็มเวทมนตร์ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
เซบาสได้หยิบมันออกจากกระเป๋าเสื้อและเปิดออก
มันเป็นแว่นตาอยู่ด้านใน ขาของแว่นทำมาจากโลหะคล้ายแพลตตินัมเมื้อมองใกล้ๆก็ดูเหมือนมีตัวอักษรอะไรบางอย่างสลักไว้ ตัวเลนส์เป็นคริสตัลมีลักษณะคล้ายน้ำแข็งสีน้ำเงิน
โดยการสวมใส่แว่นนี้จะทำสามารถเข้าใจข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางเวทมนตร์
เซบาสกวาดสายตาไปที่หน้ากระดาษต่างๆจากนั้นเขาก็หยุดลง เขาละสายตาออกจากหนังสือไปมองที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเด็กหนุ่มที่เคาน์เตอร์ และถามเธอคนนั้นอย่างอ่อนโยน
"มีอะไรเหรอ"
"อ่า ไม่มีอะไร..."
เด็กสาวหน้าแดงอย่างอายๆและก้มหน้าลงไป
"ฉันแค่คิดว่า...คุณดูเท่มากเลย"
"ขอบคุณมากครับ"
เซบาสยิ้มและใบหน้าของเด็กสาวก็แดงขึ้นไปอีก
เซบาส สุภาพบุรุษผมขาว เขาเป็นคนที่สามารถดึงดูดสายตาคนรอบๆได้ เขาเป็นคนที่ดูดีแต่เวลาเขาทำอะไรมันก็ยิ่งน่าประทับใจเข้าไปอีก เมื้อเขาเดินตามถนนเก้าในสิบของผู้หญิงไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ต้องหันไปมองเขาชั่วขณะ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวคนนี้พบว่าตัวเองหลงเซบาสขึ้นมา
เซบาสเข้าใจเรื่องนั้นดีแล้วหันกลับไปมองที่หนังสือต่อ จากนั้นเขาก็หยุดที่หน้านึงและถามเด็กหนุ่ม
"คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับเวทย์นี้ได้ไหม ... [Floating Board] ผมเชื่อว่ามันถูกเรียกอย่างงั้น?"
"ได้ครับผม"
"[Floating Board] เป็นเวทมนตร์ระดับ1 มันสามารถสร้างแท่นโปร่งแสงกลางอากาศได้ ส่วนขนาดและความสามารถในการบรรทุกจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้เวทมนตร์ อย่างไรก็ตามม้วนเวทมนตร์นี้ขีดจำกัดของมันจะอยู่ที่หนึ่งตารางเมตรและสามารถบรรได้ไม่เกิน50กิโลกรัม กระดานเวทมนตร์จะคอยเคลื่อนที่อยู่ด้านหลังผู้ร่ายและสามารถเคลื่อนออกห่างจากผู้ร่ายได้สูงสุด5เมตร อย่างไรก็ตามมันจะเคลื่อนที่อยู่ด้านหลังตามผู้ร่ายเท่านั้นไม่สามารถควบคุมมาไว้ด้านหน้าได้ หากผู้ร่ายหมุนตัวมันก็จะเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆมันเป็นเวทตร์สำหรับขนส่งเหมาะแก่งานก่อสร้างและขุดดิน"
"อืม,"เซบาสพยักหน้า "ฉันเอาอันนี้ละกัน"
"รับทราบครับ"
เด็กหนุ่มดูไม่ค่อยประหลาดใจกับเรื่องที่ว่าเซบาสได้เลือกซื้อเวทมนตร์ระดับต่ำอันนี้ เพราะส่วนใหญ่ที่เซบาสเคยซื้อมันเป็นเวทมนตร์ที่ไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไร นอกจากนี้การที่ได้เพิ่มช่องว่างให้แก่สต็อกสินค้า มันถือเป็นประโยชน์มากต่อสมาคมนักเวทมนตร์
"อันเดียวหรอครับ"
"ครับ ฝากด้วยนะครับ"
เด็กหนุ่มคนนั้นแสดงท่าทางบอกผู้ชายคนนึงที่นั้งอยู่ใกล้ๆ
ชายคนที่นั้งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดลุกขึ้นยืนและเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านหลังเคาน์เตอร์
หลังจากนั้นประมาณห้านาทีชายคนนั้นกลับออกมา และถือม้วนกระดาษไว้ในมือ
"นี้ม้วนคำภีร์เวทย์ของคุณครับ"
เซบาสมองไปที่ม้วนคำภีร์มันถูกทำอย่างหรูหราแตกต่างจากกระดาษทั่วไปที่หาซื้อได้ภายนอก ชื่อของมันถูกเขียนไว้ด้านนอกม้วนคำภีร์หลังจากเซบาสยืนยันได้แล้วว่ามันเป็นอันเดียวกับที่เขาต้องการ เขาจึงถอดแว่นออก
"อืม ขอซื้อไว้ละกันครับ"
"ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนครับ"ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างสุภาพ "เวทย์ระดับ 1 ดังนั้น ทั้งหมดหนึ่งเหรียญทองสิบเหรียญเงินครับ"
สำหรับขวดยาเวทมนตร์ระดับเดียวกันจะมีมูลค่าสองเหรียญทอง เปรียบเทียบกับม้วนเวทย์นี้ที่มีมูลค่าที่ถูกกว่ามากเพราะว่ามันสามารถใช้ได้กับผู้ใช้เวทมนตร์เฉพาะทางเท่านั้น ต่างจากยาเวทมนตร์ที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้มัน
ทีกล่าวว่า'เปรียบเทียบ'มันเป็นจุดสำคัญ ตามปกติแล้วหนึ่งเหรียญทองกับสิบเหรียญเงินมันแพงเท่ากับเงินเดือนครึ่งนึงของคนทั่วไป อย่างไรก็ตามเงินที่เซบาสได้รับมาจากนายเหนือหัวของเขา ทำให้มันเป็นเพียงค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย
จากนั้นเซบาสจึงหยิบกระเป๋าเงินและส่งเหรียญ 11 เหรียญให้แก่ชายหนุ่ม
"จำนวนเงินถูกต้องครับ"
ชายหนุ่มไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของเงินแม้แต่น้อย แต่จากการทำธุรกรรมทั้งหมด ทำให้เขาไว้วางใจเซบาสมาก
♦ ♦ ♦
"ลุงคนนั้นหล่อชะมัด"
"อืม!"
หลังจากที่เซบาสเดินออกจากสมาคมเวทมนตร์เกิดการสนทนาขึ้นทันทีระหว่างพนักงานเคาน์เตอร์โดย
เฉพาะกลุ่มผู้หญิง
พวกเขาไม่ใช่เหล่าผู้หญิงที่ดูฉลาดอีกต่อไปแต่เป็นเหล่าหญิงสาวที่มีความรักต่อผู้ชายที่ชอบ ผู้ชายอีก
คนที่นั้งอยู่ที่เคาน์เตอร์ขมวดคิ้วและทำหน้าไม่พอใจ แต่พอนึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเซบาสทำให้
เขาต้องเงียบไป
"เขาต้องมีประสบการณ์รับใช้ขุนนางมาก่อนแน่เลย ไม่สิมันจะไม่แปลกเลยถ้าเขาเป็นขุนนางเองหรือไม่ก็
อาจจะเป็นลูกชายคนสุดท้องของเหล่าราชวงศ์ก็ได้"
มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับลูกคนสุดท้องของเหล่าขุนนางที่ไม่สามารถสืบทอดมรดกได้พวกเขาก็จะ
กลายมาเป็นพ่อบ้านหรือแม่บ้านผู้ทรงเกียติ โดยครอบครัวที่มีชนชั้นสูงกว่าก็จะจ้างคนที่มีภูมิหลังดัง
กล่าว หลังจากที่ได้เห็นมารยาทอันสูงสุดของเซบาสพวกเขาก็ต้องยอมรับว่าเซบาสต้องเป็นทายาท
ของเหล่าขุนนางแน่นอน
"ทุกสิ่งที่เขาทำมันดูสง่างามไปหมด หรือแม้แต่ตอนที่เขาเดินด้วย"
ทุกนั้นที่นั้งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์เห็นด้วยและพยักหน้า
"ถ้าเขาขอฉันให้ไปดื่มชาด้วยอะไรแบบนี้ ฉันคงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลยหละ"
"ฉันด้วยๆ ฉันต้องตอบตกลงแน่นอน"
สุภาพสตรีคนนั้นพูดเสียงแหลมออกมาและคุยอย่างสนุกสนานกับอีกคนนึง พวกเขาคุยถึงร้านคาเฟ่ดีๆสัก
แห่งแล้วก็จิตนาการถึงท่าทีที่เซบาสจะคอยดูแลพวกนาง ผู้ชายที่อยู่ใกล้ๆเริ่มเข้ามาคุยด้วย
"ต้องยอมรับว่าเขาดูดีจริงๆ คุณคิดว่าเขาจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ด้วยรึเปล่า?"
"ฉันไมรู้เหมือนกัน แต่เขาน่าจะเป็นนะ"
คาถาที่เซบาสเพิ่งซื้อเป็นเวทย์ที่เพิ่งพัฒนาเมื้อไม่นานมานี้ นั้นแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับเวทมนตร์
มาก เขาสามารถรู้ได้ผ่านแคตตาล็อกโดยไม่ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์โดยตรง
นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ หรือก็คือต้องเป็นคนที่ศีกษาด้านเวทมนตร์แล้วเชี่ยวชาญในด้านคาถา
ต่างๆ ทำให้พวกเขาเดาได้ว่า เซบาสต้องเป็นผู้ใช้เวทมนตร์แน่ๆ
"แล้วก็แว่นตาเขา...ดูแพงมากๆ"
"มันเป็นไอเท็มเวทมนตร์หรอ"
"ฉันคิดว่ามันเป็นเป็นแว่นตาระดับสูงที่สร้างโดยเหล่าคนแคระแน่ๆ.ฉันคิดว่านะ"
"หืมม นั้นเจ่งชะมัด การได้เป็นเจ้าของแว่นแบบนั้น"
"อืม..ฉันอยากเห็นผู้หญิงที่มากับเซบาสด้วยจัง"ชายคนหนึ่งพึมพำ การตอบสนองจากรอบข้างคือคลื่น
แห่งความไม่พอใจ
"แหยะ ผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่มีอะไรดีเลย นอกจากดูสวยอะนะ"
"อืม ฉันรู้สึกเสียใจแทนคุณเซบาสจริงๆ เธอคนนั้นสั้งให้เขาทำนู้นทำนี้ตลอดเวลาเลย"
"เธอดูสวย แต่มีบุคลิกที่ร้ายแรง เธอจำตอนที่ยัยนั้นมองมาที่เราอย่างน่าขยะแขยงได้ไหม?ฉันรู้สึกเสียใจกับคุณเซบาสจริงๆที่ต้องไปรับใช้คนแบบนั้น"
ผู้ชายคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรหลังจากที่ฟังผู้หญิงวิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นนายของ
เซบาสมีความงามอันน่าหลงใหลเธอคนนั้นได้ขโมยหัวใจของเขาไปในทันที ผู้หญิงที่อยู่แผนกต้อนรับ
รอบๆเขาถูกคัดเลือกจากสมาคมเวทมนตร์มาแล้ว แต่กระนั้นถ้าให้เขาเปรียบเทียบมันก็เหมือนเอาเต่าที่
คลานไปมาอยู่กับโคลนไปเทียบกับดวงจันทร์ ผู้ชายคนนั้นอยากจะบอกให้ดังๆว่าอย่าอิจฉากันให้มาก
แต่ก็ไม่มีชายใดที่โง่พอจะทำแบบนั้น
"เอาละ เลิกคุยเล่นกันได้แล้ว"
คำพูดของเด็กหนุ่มตัดบทสนาคุยเล่น ทันทีที่เขาเห็นนักผจญภัยเดินมาที่เคาน์เตอร์ ใบหน้าของทุกคน
กลับมาเป็นแบบปกติ และเริ่มทำงานอย่างจริงจัง
♦ ♦ ♦
เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 16.06
หลังจากออกจากสมาคมเวทมนตร์แล้ว เซบาสมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
การไปส่งหญิงชราที่บ้านทำให้ไม่ตรงตามเวลากับที่เซบาสวางแผนไว้และตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มที่จะเป็นสี
แดง หลังจากมองนาฬิกาที่เขาหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อ ทำให้เซบาสรู้ว่ามันถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
อย่างไรก็ตามภารกิจในวันนี้ยังไม่เสร็จดี เขาจะกลับตอนนี้แล้วค่อยทำพรุ้งนี้หรือทำงานล่วงเวลาในวันนี้ดีัเซบาสลังเลเพียงชั่วครู่
การไปส่งหญิงชราเป็นการตัดสินใจของเขาเอง ดั้งนั้นเขาควรทำภารกิจของเขาต่อ
"-ปีศาจเงา"
มันปรากฎตัวออกจากเงาของเซบาส
"แจ้งโซลูชั่น ว่าฉันจะสายนิดหน่อย เท่านี้แหละ"
ไม่มีการตอบกลับ มันเริ่มขยับตัวและหลุดออกจากเงาของเซบาสไป
"เอาละ" เซบาสพึมพำและเริ่มเดินทางต่อ
เขาไม่มีเส้นทางอยู่ในใจ เพราะเซบาสพยายามที่จะทำความคุ้นเคยกับเส้นทางต่างๆในเมืองหลวง นาย
เหนือหัวของเขาไม่ได้สั่งให้ทำเช่นนั้น แต่การรวบรวมข่าวกรองก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ
"ฉันจะไปที่นั้นภายในวันนี้ละกัน"
หลังจากพึมพำกับตัวเองเซบาสจับเคราของตัวเองและถือม้วนคำภีร์ด้วยมือข้างนึง
เขามุ่งหน้าต่อ โดยออกห่างจากเมืองหลวงไปเรื่อยๆ
หลังจากเลี้ยวเข้าบริเวณซอกซอยตึกที่สกปรกมันมีกลื่นเหม็นๆลอยอยู่บนอากาศกลิ่นของขยะสดและ
ของเสียอื่นๆ จนเพียงพอให้ชุดของเซบาสเริ่มเปื้อน เซบาสยังคงเดินต่อไปในความเงียบ
ทันใดนั้นเขาก็หยุดลงและสำรวจรอบๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเข้ามาสู่ซอยที่เปล่าเปลี่ยวและแคบมากๆจน
เพียงพอให้ถ้ามีคนเดินผ่านมาต้องเบียดเสียดกันเลย
มันเป็นเรื่องยากที่จะเดินผ่านซอกซอยเหล่านี้ ที่นี้แสงอาทิตย์ถูกบดบังโดยสิ่งก่อสร้างรอบๆ อย่างไรก็
ตามมมันไม่เป็นอุปสรรคต่อเซบาส เขาเดินเข้ามาในความมืดราวกับละลายไปกับเงา
เซบาสคอยหันหน้าซ้ายขวาตลอดทันทีที่เจอซอกซอยเพิ่มเติมระหว่างอาคาร เขาก้าวกระโดดด้วยความ
มั่นใจโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดชะงัก
การเดินทางอันไร้จุดหมายของเขาได้พาเขามาที่นี่ เขาได้ตระหนักว่าเขามาไกลจากที่มั่นมากแล้ว แต่
สัญชาตญาณของเซบาสก็เข้าใจเส้นทางจากบ้านมาถึงที่นี้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของเซบาสแล้ว เขาสามารถเดินฝ่าเส้นทางทั้งหมดเป็นเส้นตรงได้มันจะใช้
เวลาเพียงแค่ครู่เดียวถ้าจะทำแบบนั้น ตอนนี้ความมืดเริ่มปกคลุมแล้ว มันอาจจะถึงเวลาที่เซบาสต้อง
กลับ
เขาไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของโซลูชั่นผู้ที่เขาอาศัยอยู่ด้วย
แม้จะศัตรูที่ทรงพลังปรากฎ โซลูชั่นก็สามารถสร้างปีศาจเงาแบบเซบาสได้ เธอสามารถหนีและใช้มัน
เป็นโล่ได้ แต่นั้นก็-
"...ฉันควรกลับก่อนสินะ"
ตามจริงแล้วเซบาสอยากที่จะเดินต่อไป แต่การเสียเวลาโดยใช่เหตุคงไม่สมควรได้รับการอนุญาติกระนั้น
ถ้าเขากลับไปตอนนี้เขาก็จะไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินผ่านช่องแคบพวกนี้ต่อ
ระหว่างที่เซบาสเดินไปในความมืด เขาเห็นประตูเหล็กหนาๆมันดังเอี๊ยดขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันอยู่ด้าน
หน้าเซบาสราวๆ15เมตร เซบาสจึงหยุดและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
เมื้อประตูเปิดกว้างมีคนเดินออกมา ถึงแม้จะอยู่ในความมืดเซบาสก็เห็นผ่านเงาว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชาย
ชายคนนั้นมองไปรอบๆแต่เขาไม่สังเกตเห็นเซบาสจึงเดินกลับเข้าไป
มีกระสอบขนาดใหญ่ถูกโยนออกมากระแทกกับกำแพงด้านนอก แสงสว่างภายในห้องนั้นทำให้เซบาสรู้
ว่ามันเป็นของนุ่มตอนที่มันตกลงบนพื้น
ประตูยังคงเปิดอยู่คนที่โยนกระสอบออกมาเหมือนกำลังแค่โยนขยะทิ้ง ชายคนนั้นเดินกลับเข้าไปและ
ไม่มีอะไรเกิดขึนเพิ่มเติมไปสักพัก
เซบาสขมวดคิ้วตัดสินใจว่าจะเดินไปในทางอื่น เพราะถ้าเดินไปในทางนี้อาจเกิดปัญหา
หลังจากลังเลช่วงสั้นๆเซบาสตัดสินใจไปต่อในทิศทางเดิม
"-ไปต่อละกัน"
ปากถุงกระสอบตกลงมา
รองเท้าของเซบาสลากไปตามพื้นจนมาใกล้กับกระสอบ
ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป เขาก็ต้องหยุดลง
เซบาสรูู้สึกว่ามีอะไรติดอยู่ที่ส่วนขาของกางเกง เซบาสจึงมองลงมาและเห็นสิ่งที่เขาเคยคาดคิดไว้
แขนอันผอมบางราวกับกิ่งไม้ยื่นออกมาจากกระสอบมันกำลังขวางขาของเซบาสอยู่ เปิดเผยให้เห็นถึง
ครึ่งนึงของร่างเปลือยกายของผู้หญิงภายในกระสอบ
มันเป็นตอนที่กระสอบเปิดกว้างทำให้เห็นถึงร่างกายของผู้หญิงส่วนบน
ดวงตาสีฟ้าของเธอมืดมิดดูไม่มีชีวิตชีวา ผมยาวไปถึงไหล่ของเธอยุ่งเหยิงกับการขาดสารอาหาร ใบหน้า
ของเธอบวมเหมือนถูกตีและมีจุดสีแดงซีดจำนวนมากทั่วผิวแห้งของเธอ
เธอเป็นเหมือนถุงที่ถูกผึ่งให้แห้งและแทบไม่เกิดความมีชีวิตใดๆในตัวเธอ
แน่นอนมันต้องเป็นศพ แต่กระนั้นเธอกำลังหายใจ มือที่ตอนที่จับขากางเกงเซบาสอยู่เป็นสัญญาณว่า
เธอมีชีวิต อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอทำได้คือหายใจเท่านั้น จนแทบเรียกไม่ได้เลยว่า เธอยังมีชีวิต
"...คุณช่วยปล่อยมือได้ไหม"
หญิงสาวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเซบาส อย่างไรก็ตามเปลือกตาของเธอบวมอย่างมาก มันเหลือแค่
เพียงลอยแตกเละๆเท่านั้น ลูม่านตาที่มืดมัวแหงนมองขึ้นฟ้า ซึ่งมันไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย
ทั้งหมดที่เซบาสต้องทำก็แค่ขยับขาออกเขาก็จะหลุดออกจากนิ้วพวกนี้แล้ว ยังไงก็ตามเขาก็ไม่ทำแบบ
นั้นและยังคงถามต่อ
"...คุณกำลังมีึปัญหาใช่ไหม? ถ้ายังงั้น-"
"-เห้ย ไอ้แก่ แกโผล่หัวมาจากไหนเนี่ย"
เซบาสถูกขัดจังหวะ ด้วยเสียงที่ต่ำและดูดุร้าย
ชายคนนั้นมาจากด้านหลังประตู แขนและหน้าอกของเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผล
แสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์ต่อเซบาสอย่างชัดเจน โคมไฟที่เขาถืออยู่ฉายแสงสีแดง
"โอย โอย โอย มองหาหอกอะไรอยู่ไอ้แก่?"
ชายคนนั้นเดาะลิ้นของเขาขณะมองอย่างพินิจพิเคราะห์ไปทีเซบาส
"ไปไกลๆไอ้แก่ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ"
เมื้อเห็นว่าเซบาสยังคงนิ่ง ชายคนนี้ก้าวเท้าออกมาข้างหน้าพร้อมกระแทกประตูเสียงดังลั่น ชายคนนั้น
วางโคมไฟไว้ที่เท้าแล้วค่อยๆกรีดกรายเข้ามาเพื่อขู่ขวัญ
"หูหนวกหรอไอ้แก่"
เขาขยับไหล่และยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆจากนั้นก็กำมือแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวที่จะใช้ความ
รุนแรงเลย
เซบาสยิ้ม รอยยิ้มจากสุภาพบุรุษอย่างเซบาสแสดงให้เห็นถึงความสงบและความเมตตา แต่ด้วยเหตุผล
บางอย่างชายก้าวถอยหลังไปราวกับมีสัตว์ป่าดุร้ายปรากฎตัวต่อหน้าเขา
"ห...เห้ย แกมันตัวอะไรเนี่ย-"
ด้วยรอยยิ้มของเซบาส ทำให้ชายคนนี้ไม่สามารถพูดต่อได้ เขากำลังสั่นกลัวและโงนเงนไปด้านหลัง
โดยไม่ได้ตระหนักถึงน้ำหนักของตัวเองเลย
เซบาสเก็บม้วนเวทมนตร์ที่ได้มากจากสมาคมเวทมนตร์เข้าไปในกระเป๋า และก้าวไปข้างหน้าเพียงพอที่
จะจับผู้ชายคนนั้นได้ ชายคนนั้นไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของเซบาสได้เลยและล้มลงไปอยู่กับ
พื้น
นั้นดูเหมือนเป็นสัญญาณให้เซบาสจับคอของผู้ชายคนนั้น-และยกขึ้นออกจากพื้นโดยง่าย
ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์นี้คงคิดว่ามันเป็นทริคบางอย่าง
ถ้าเป็นไปตามรูปลักษณ์ภายนอกเซบาสไม่สามารถชนะผู้ชายคนนี้ได้เลย ทั้งในแง่ของอายุและกล้าม
เนื้อชายหนุ่มย่อมได้เปรียบกว่าเสมอ
แต่สุภาพบุรุษอาวุโสคนนี้กำลังยกด้วยมือข้างเดีียว
หรือบางทีหากมีใครเห็นก็ต้องมีสักคนที่มีสัญชาตญาณพอที่จะรู้ความแตกต่างอย่างมากของทั้งสองฝ่าย
ความแตกต่างระหว่างเซบาสกับชายคนนี้คือ
ผู้ยิ่งใหญ่กับคนต่ำต้อย
ชายคนนั้นถูกยกออกจากพื้นโดยสมบูรณ์ เขาพยายามบิดขาและลำตัว ขณะที่เขาพยายามหลุดจากมือ
เซบาสทำให้เขาตระหนักได้ว่าการขัดขืนช่วยอะไรไม่ได้เลย มีเพียงแต่จะทำให้มอนเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า
เขาโกรธเท่านั้น
"เธอคนนี้เป็นอะไร?"
เมื่อเสียงอันเยือกเย็นไหลเข้าผ่านหู ชายคนนี้สั่นด้วยความกลัว
"เธอ' เธอเป็นคนงานที่นี้" ผู้ชายคนนั้นตอบ ออกมาด้วยความหวาดกลัว
"ฉันถามว่าเธอเป็นอะไร และแกตอบว่าเธอทำงานที่นี้หรอ?"
ชายคนนั้นตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเขาภายใต้
สถานการณ์นี้ ตาของเขาเปิดกว้างด้วยความกลัวและสั่นเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ
"ใจเย็นๆ พวกพ้องบางคนของฉันก็มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งของเหมือนกัน ดังนั้นฉันเชื่อว่าแกก็มองมนุษย์
เป็นสิ่งของเช่นกัน แบบนั้นมันก็คงไม่มีอะไรผิด อย่างไรก็ตามแกบอกว่าเธอเป็นคนงานที่นี้ใช่ไหม?
นั้นก็หมายถึงแกเห็นเธอเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน งั้นขอฉันถามอีกคำถาม แกกำลังจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้?"
ผู้ชายคนนั้นพยายามคิดหาคำตอบอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม-
มีเสียงบีบที่ดังออกมา
การจับของเซบาสรุนแรงยิ่งขึ้น จนผู้ชายคนนั้นได้แต่ส่งเสียงลมหายใจเล็กๆออกมา
"--อั๊กกกก!"
เซบาสตั้งใจบีบให้ผู้ชายคนนั้นหายใจยากขึ้น จนผู้ชายคนนั้นต้องร้องโอดครวญออกมา เซบาสพูดกับชายคนนี้อีกครั้ง "อย่าคิดอะไรให้มาก ตอบออกมา!"
"เธอ,เธอป่วย ฉันเลยกำลังพาเธอไปที่โบสถ์"
"-ฉันไม่ชอบการโกหก"
"อั๊กกก!"
เซบาสบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ชายคนนั้นหน้าแดงขึ้นจนมีเสียงทรมานออกมาจากลำคอ มันเป็นความจริงที่ว่าชายคนนั้นเอาคนใส่กระสอบเพื่อการข่นส่ง การโยนคนลงบนพื้นไม่มีทางใช่การพาคนไปรักษาแน่นอนมันเป็นเหมือนกับแค่การเอาขยะไปทิ้ง
"ขอร้อง...หยุด..."
ผู้ชายคนนั้นกำลังมีปัญหาในการหายใจ เขาเริ่มแสดงความเดือดออกมาเพราตระหนักได้ว่าเขากำลังจะตาย
เซบาสจับหมัดที่พุ่งเข้ามาด้วยมืออีกข้างอย่างง่ายดาย ขาของผู้ชายคนนั้นพยายามเตะเข้าใส่เซบาส
แต่เซบาสก็นิ่งเฉย
-แต่แน่นอน
มันเป็นเรื่องปกติที่ขาของมนุษย์ไม่สามารถทำอะไรกับแท่นเหล็กได้เลย เซบาสแค่ปัดฝุ่นที่เปื้อนตัวเขาและพูดกับชายคนนั้นอีกครั้ง
"ฉันขอแนะนำให้พูดความจริง"
"อึ๊ก-"
ชายคนนั้นไม่สามารถหายใจได้ เซบาสมองไปที่หน้าที่แดงของชายคนนั้นและปล่อยมือของเขาก่อนที่
จะเดินออกห่าง
ชายคนนั้นล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
"อ่อค อุ๊ก "
ผู้ชายคนนั้นไออย่างรุนแรงและสูดอากาศเฮือกใหญ่เข้าไปในปอด เซบาสมองดูเงียบๆจากนั้นก็เอื้อมมือ
เข้าไปคว้าคอผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
"เดียวว ขอร้องหล่ะ รอก่อน"
ประสบการณ์ความน่ากลัวของการขาดออกซิเจน ชายคนนั้นพยายามตะเกียดตะกายออกจากมือเซบาส
"โบสถ์-ใช่! ฉันกำลังพาเธอไปที่โบสถ์ "
ผู้ชายคนนี้ยังพยายามโกหกอีกหรอ จิตใจช่างแข็งแกร่ง
เซบาสคิดว่าชายคนนี้จะไม่กล้าขัดขืนต่อความกลัวความตาย อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะกลัวแต่ก็ยังไม่บอกความจริงหรือก็คือการยอมบอกความจริงมันอันตรายพอๆกับการกระทำของเซบาส
เซบาสกำลังคิดว่าควรเปลี่ยนแผนดีไหม นี้เป็นเขตแดนของศัตรู ถึงแม้ชายคนนี้ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ตามที่อยู่หลังประตู นั้นเป็นเพราะว่าจะไม่มีใครมาช่วยเขาได้ทันการ แต่อย่างไรก็ตามอยู่ที่นี้นานเกินไปก็จะนำไปสู่ปัญหามากขึ้น
นายเหนือหัวของเขาห้ามไม่ให้ก่อปัญหาใดๆ คำสั่งของเขาคือพยายามแทรกตัวเข้าไปในสังคมและรวบรวมข่าวต่างๆอย่างลับๆ
"ถ้าแกจะพาเธอไปที่โบสถ์ งั้นให้ฉันทำเอง ฉันขอรับประกันความปลอดภัยของเธอ"
ชายคนนั้นกลืนน้ำลายตาของเขาสั่นอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็พยาหาข้ออ้างอย่างสุดความสามารถ
"...มันไม่มีหลักประกัน ว่าคุณจะพาเธอไปที่นั้นจริงๆ"
"งั้นมาด้วยกัน"
"ตอนนี้ฉันไม่สะดวก แต่เดียวฉันจะพาเธอไปทีหลัง"
ชายคนนี้รู้สึกถึงการแสดงออกบางอย่างของเซบาส เขาจึงรีบพูดต่อ
"เธอเป็นของเราตามกฎหมาย! ถ้าคุณเข้ามายุ่งมันจะเป็นการฝาฝืนกฎหมายของประเทศ! หรือถ้ายังกล้า
ที่จะเอาตัวเธอไป นั้นคือการ ลักพาตัว!"
เซบาสหยุดนิ่งและขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก
ชายคนนี้เล่นกับจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซบาส
นายเหนือหัวของเขาสั่งให้ดำเนินการต่างๆในฐานะ พ่อบ้านที่คอยดูแลนายหญิง
การฝ่าฝืนกฎหมายอาจจะนำไปสู่การตรวจสอบและนั้นจะทำให้ตัวปลอมของเขาถูกเปิดโปง กล่าวอีกนัยนึงคือการทำเช่นนั้นจะนำไปสู่ผลกระทบสำคัญที่ทำให้นายเหนือหัวของเขาไม่พอใจแน่
เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ เซบาสสามารถกำจัดชายคนนี้ได้โดนง่าย
อย่างไรก็ตามนั้นเป็นวิธีสุดท้าย เซบาสไม่สามารถดูแลผู้หญิงที่เขาพบโดยบังเอิญได้ นั้นเป็นการผิดต่อคำสั่งของนายเหนือหัวของเขา
หรือก็คือ วิธีที่ดีที่สุดคือการทิ้งผู้หญิงคนนี้สะ
ขณะที่เซบาสกำลังลังเล ชายคนนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา
"โอ้คุณพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ ถ้าทำแบบนั้น จะทำให้เจ้านายเกิดปัญหาเอานะ"
เป็นครั้งแรกที่หน้าผากของเซบาสขมวดด้วยความโมโหขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นรู้ถึงจุดอ่อนของเซบาสจากการแสดงออกของเขา
"ฉันไม่รู้ว่าลุงรับใช้ขุนนางคนไหนเหมือนกัน แต่การทำแบบนี้จะนำปัญหาไปสู่เจ้านายเอานะ ใครจะรู้บางทีเจ้านายลุงอาจมีความสัมพันธ์กับธุรกิจของเราก็ได้นะ ไม่กลัวถูกดุเอาหรอ?"
"แกคิดจริงๆหรอว่า เจ้านายฉันจะแก้ปัญหากับเรื่องแค่นี้ไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เราเกิดปัญหาใดๆแน่"
ความกลัวทะลุผ่านผู้ชายคนนั้นชั่วขณะนึง อย่างไรก็ตามเขาฟื้นความเชื่อมั่นของตัวเองอย่างรวดเร็ว
"...ก็ลองดูสิ"
"...ฮึ้ม"
คำโกหกของเซบาสไม่ได้ผลกับชายคนนั้น เขาต้องมีการสนับสนุนที่เพียงพอให้ชายคนนั้นเชื่อได้
เซบาสจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนอีกครั้ง
"...อืม มันคงเป็นปัญหาในด้านของกฎหมาย อย่างไรก็ตามมีกฎหมายระบุไว้ว่าหากมีคนขอความช่วยเหลือก็จะไม่เป็นการลักพาตัว ฉันก็จะสามารถพาตัวเธอไปโดยไม่ต้องห่วงเรื่องกฎหมายใดๆ ฉันพูดผิดรึเปล่า?"
"เอะ...อ่า...ก็ไม่"
ชายคนนั้นพึมพำกับตัวเองขณะพยายามคิดหาวิิธี
ความมั่นใจของชายคนนี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว
ท่าทางที่ชายคนนี้แสดงออกมาทำให้เซบาสโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเซบาสเพิ่งบอกเรื่องที่เขาเพิ่ง
คิดขึ้นเอาเองออกไป เนื่องจากชายคนนี้ใช้กฎหมายเล่นงานเซบาส เซบาสก็เลยใช้กฎหมายสวนกลับ
ชายคนนี้ไปอีกที
ถึงแม้ว่าเซบาสไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายของราชอาณาจักร แต่ท่าทีของชายคนนี้ทำให้เซบาสรู้ว่า
ชายคนนี้ก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับกฎหมายเช่นเดียวกัน ถ้าชายคนนี้จะใช้กฎหมายสู้กับเซบาสต่อไป เซบาสก็
สามารถจัดการเขาโดยง่าย
เซบาสหันหน้าหนีจากผู้ชายคนนั้นและเข้าไปประคองศรีษะของผู้หญิง
"คุณต้องการให้ฉันช่วยไหม" เซบาสถามก่อนที่จะเอาหูเข้าไปใกล้ปากของผู้หญิงคนนั้น
ทั้งหมดที่เขาได้ยินคือลมหายใจจางๆ มันเหมือนกับเสียงของบอลลูนที่กำลังแฟบ จนไม่เรียกไม่ได้ว่า
เสียงหายใจด้วยซ้ำ
ไม่มีการตอบสนอง เซบาสจึงพยายามถามอีกครั้ง
"ต้องการให้ฉันช่วยไหม"
การช่วยผู้หญิงคนนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงแตกต่างจากการช่วยหญิงชราโดยสิ้นเชิง แต่เซบาสก็ยังต้องการ
ช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุด ถึงแม้เขาจะคิดว่าบางทีนายเหนือหัวของเขาอาจจะไม่พอใจที่เขาทำแบบ
นี้ก็ตาม เรื่องนี้เข้ามาสู่สมองของเซบาสโดยบังเอิญ
ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ
ชายคนนั้นยิ้ม
เนื่องจากเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ทำให้เขายิ้มเยาะขึ้นมา นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าเขาถึงกล้า
โยนผู้หญิงคนนี้ออกมา
เขาอาจจะโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับเซบาส แต่ตอนนี้มันเป็นโชคดีของเขาแล้ว
โชคดีของผู้หญิงคนนี้คือเธอบังเอิญจับโดนกางเกงของเซบาสได้ แต่ว่ามันจบแล้ว
มันไม่ควรเรียกว่าโชคดีด้วยซ้ำ
-จนมีการตอบสนองเล็กน้อยออกมา
นั้นคือ ริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นขยับเล็กน้อย มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของการหายใจ
มันเป็นการความตั้งใจของเธอเอง
"___"
การตอบสนองของเซบาสคือการพยักหน้าอย่างพอใจ
"ฉันไม่เชื่อในการช่วยเหลือ ผู้ที่เอาแต่ขอให้คนอื่นมาช่วย แต่อย่างไรก็ตาม คุณต่อสู้และมุ่งมั่นที่จะมีชีวิต"
นิ้วของเซบาสขยับอย่างช้าๆและนุ่มนวลเพื่อปิดตาผู้หญิงคนนี้
"ไม่ต้องกลัว พักผ่อนเถอะ ตอนนี้คุณอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉันแล้ว"
ผู้ชายคนนั้นแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น และพูดคำที่เพิ่งเข้ามาในสมองเขาออกมา
"เป็นไปไม่ได้-"
เซบาสไม่รู้ชายคนนั้นต้องการพูดอะไร ชายคนนั้นยืนนิ่งไม่ขยับ
"จะบอกว่าฉันโกหกหรอ?"
เขาไม่รู้ว่าเซบาสลุกขึ้นยืนขึ้นมาตอนไหน แต่ตอนนี้เขาถูกดวงตาอันแหลมคมจ้องมองมา
เป็นเป็นดวงตาที่น่าสยดสยองสำหรับเขา
สายตานี้หยุดการหายใจของเขา ราวกับมันมีความสามารถส่งผลต่อหัวใจภายในหน้าอกของเขาเลย
"คุณจะบอกว่า ฉันโกหกกับคนอย่างแกหรอ?"
"อ่า..ไม่..อ่าา"
ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย และมองไปที่แขนของเซบาสด้วยความกังวล เขาจำตอนที่เซบาสบีบคอเขา
ได้เป็นอย่างดี
"ถ้าอย่างงั้น ฉันขอพาผู้หญิงคนนี้ไปกับฉันก่อน"
"อ่าาเดียว ได้โปรดหยุดก่อน!" ชายคนนั้นตะโกนออกมาจนเซบาสต้องหันไปมองเขา
"มีอะไรอีก? ยังพยายามที่จะถ่วงเวลาอีกหรอ?"
"ไม่ ไม่ใช่อย่างงั้น ถ้าคุณพาเธอไปมันจะเกิดเรื่องแย่แน่ คุณจะต้องประสบกับเรื่องเลวร้ายรวมทั้งเจ้านาย
ของคุณด้วย! คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับแปดนิ้วรึเปล่า"
เซบาสเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อดังกล่าวตอนที่เขากำลังรวบรวมข่าวต่างๆ มันเป็นองค์กรผิดกฎหมายที่พยายามครอบครองอาณาจักรภายใต้เงามืด
"ดังนั้นคุณแค่ช่วยฉันแทนดีกว่า แค่ทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณพาเธอไปมันพวกเขาจะถือว่าเป็นความล้มเหลวในส่วนของฉันและลงโทษฉันแน่"
เมื้อเห็นว่าชายคนนี้พยายามโน้มน้าวด้วยความเห็นแก่ตัวเอง เซบาสจ้องมองเขาและตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
"ฉันจะพาเธอไปกับฉัน"
"เดียวข้อร้องหละ พวกเขาจะฆ่าฉัน!"
มันอาจจะดีกว่าถ้าฆ่าผู้ชายคนนี้ทิ้งเซบาสคิด ชายคนนี้ยังคงร้องไห้อยู่ ขณะที่เซบาสกำลังคิดถึงข้อดีและข้อเสียในการกำจัดผู้ชายคนนี้ทิ้งสะ
เดิมทีเซบาสคิดว่าผู้ชายคนนี้พยายามถ่วงเวลาเพื่อรอการช่วยเหลือ แต่ด้วยท่าทางของชายคนนี้ทำให้เซบาสรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างไรตามเขาก็นึกถึงเหตุผลอื่นไม่ออก
"ทำไมไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือหล่ะ"
ชายตาของผู้ชายคนนั้นดูตกใจและรีบตอบกลับ
โดยรวมคำตอบที่ผู้ชายคนนี้บอกคือ หากผู้หญิงคนนี้ถูกเอาตัวไปขณะเขาตะโกนขอความช่วยเหลือโดย
พื้นฐานแล้วนั้นจะนำสู่การที่เขาต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้เขาไม่คิดว่าจะเอาชนะเซบาสได้ถึงแม้จะเรียกคนอื่นมาช่วยก็ตาม นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้แต่พยายามโน้มน้าวเซบาส
เซบาสไม่สามารถรวบรวมแรงจูงใจในการฆ่าของเขา ต่อหน้าชายที่มีทัศนคติที่น่าสงสารขนาดนี้ทำให้ความตั้งใจที่จะฆ่าชายคนนี้ของเซบาสหายไป แต่อย่างไรก็ตามเซบาสไม่คิดจะยอมให้ผู้หญิงคนนี้คืนอยู่ดี
"...แล้วทำไมคุณไม่หนีไปหล่ะ"
"นึกถึงความเป็นจริงสิ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ในการหนี"
"ฉันไม่คิดว่าเงินมีความสำคัญมากกว่าชีวิต อย่างไรก็ตาม ... ฉันให้ความเคารพในเรื่องนี้ "
หน้าตาของผู้ชายคนนั้นดูสว่างขึ้นเมื้อได้ยินคำของเซบาส
การฆ่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นการทำลายหลักฐานต่อการถูกตามตัวมาก แต่การปล่อยให้เขาหนีด้วยกำลังทั้งหมดอาจจะช่วยซื้อเวลาให้เซบาสที่จะรักษาผู้หญิงคนนี้และพาเธอไปที่ปลอดภัยได้
ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าผู้ชายคนนี้จะทำให้พวกเขาออกตามหาคนผู้หญิงทันที
เมื้อมาถึงจุดนี้ เซบาสเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาต้องเสี่ยงทำเรื่องอันตรายแบบนี้ตั้งแต่แรก
ความจริงคือเซบาสไม่เข้าใจถึงจิตใจของตัวเองที่นำไปสู่การช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ ถ้าเป็นสมาชิกคนอื่นๆในนาซาริคคงจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ต้องทำให้ตัวเองลำบาก และปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี้แน่
-การช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว.
เซบาสตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจกับคำพูดลึกลึบที่โผล่เข้ามาในหัวของเขาและพูดว่า
"รับนี้ไว้ จ้างนักผจญภัยและหนีสะ"
เซบาสหยิบถุงผ้าใบนึงออกมา ผู้ชายคนนั้นมองด้วยความไม่มั่นใจ เพราะมันเป็นเพียงถุงผ้าเล็กๆเท่านั้น
ในเวลาต่อมาสายตาผู้ชายคนนั้น ก็มองตามเหรียญนึงที่ตกลงพื้นมันเหรียญสีเงินที่ดูสว่างมาก มันเป็น
เหรียญแพลทินัมแค่หนึ่งเหรียญก็มีค่าเท่ากับเหรียญทองสิบเหรียญแล้ว
"หนีด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเข้าใจไหม? นอกจากนี้ฉันมีคำถามบางอย่าง พอมีเวลาที่จะตอบรึเปล่า"
"อ่าได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้บอกกับคนอื่นไปแล้วว่ากำลังจะพาเธอไปทิ้- ไปที่โบสถ์ใช่ไปที่โบสถ์ ดังนั้นฉันยังพอมีเวลาอยู่"
"เข้าใจแล้ว งั้นเดินมากับฉันละกัน"
เซบาสยกคางขึ้นเพื่อบอกให้ผู้ชายคนนั้นยอมทำตาม จากนั้นเขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นและเดินออกมา
Part 2
เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 18.58
ปัจจุบันเซบาสพักอยู่ที่เขตที่อยู่อาศัยของคนชั้นสูงในเมืองหลวงที่มีความปลอดภัยมาก
บ้านหลังนี้มีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์รอบๆ มันถูกสร้างไว้สำหรับคนรับใช้และครอบครัวอย่างไรก็ตามมันก็ยังดูใหญ่เกินไปสำหรับคนสองคน
เซบาสได้รับการต้อนรับอย่างรวดเร็วในตอนที่เขามาถึงบ้านและเดินเข้าไปที่ประตูหน้า เธอเป็นผู้หญิงสวมชุดสีขาว เธอเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเซบาส. โซลูชั่น เอปซิลอน จากกลุ่มเมดนักรบ บ้านยังมีผู้อยู่อาศัยคนอื่นอีกนั้นคือปีศาจเงาและการ์กอยล์แต่พวกนี้ถูกให้ไปทำหน้าที่ยามอยู่จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับด้วย
"ยินดีต้อนรับ กลั-"
โซลูชั่นตัดคำพูดของเธอกลางคันรวมถึงหยุดแสดงความเคารพ เธอจ้องมองไปที่วัตถุที่เซบาสกำลังถืออยู่ด้วยสายตาที่เย็นชากว่าปกติ
"...ท่านเซบาส นั้นมันอะไร"
"ฉันเจอเธอหน่ะ"
โซลูชั่นไม่ได้ตอบกลับ อย่างไรก็ตามเกิดบรรยากาศดุดันรอบตัวพวกเขา
"...คะ นี้่คงไม่ใช่ของขวัญสำหรับฉันสินะ ท่านเซบาสจะเอามาทำอะไรหรอคะ"
"อืม ก่อนอื่นช่วยรักษาบาดแผลผู้หญิงคนนี้ได้ไหม"
"รักษา..."
โซลูชั่นมองไปที่ผู้หญิงที่เซบาสกำลังถืออยู่ เธอพยายามทำความเข้าใจว่าเซบาสต้องการอะไร
"ถ้าเป็นยังงั้น ทำไมท่านเซบาสไม่พาเธอไปที่วิหารละคะ?"
"...นั้นก็ถูก ฉันผิดเอง ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย"
หลังจากที่เซบาสไม่พูดอะไรเพิ่มเติม โซลูชั่นจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เซบาส จนทั้งสองมองหน้ากัน
แต่ท้ายที่สุดโซลูชั่นก็เป็นฝ่ายหลบหน้าก่อน
"งั้นให้ฉันโยนมันทิ้งไหมคะ?"
"ไม่ ฉันเป็นคนพาเธอมา พวกเราต้องคิดถึงการดูแลเธออย่างดีที่สุด"
"...ฉันเข้าใจแล้วคะ."
โซลูชั่นตอบอย่างนิ่งเฉยออกมา ราวกับมันเป็นหน้ากาก แม้แต่เซบาสก็ไม่สามารถอ่านอารมณ์ที่อยู่ใน
สายตาของเธอได้ สิ่งที่เซบาสบอกได้คือโซลูชั่นกำลังไม่พอใจแน่นอน
"ช่วยตรวจสอบร่างกายผู้หญิงคนนี้ได้ไหม"
"เข้าใจแล้วคะ ฉันจะจัดการให้ทันที"
"ไม่ใช่แบบนั้น"
เด็กสาวคนนี้ไม่มีความหมายใดๆกับโซลูชั่น เธอรับคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจอะไร
"ในห้องนั้นน่าจะมีพื้นที่ว่างอยู่ พาเธอไปตรวจที่นั้นได้ไหม"
ทั้งสองคนไม่พูดอะไรระหว่างพาเด็กสาวคนนี้ไปที่ห้องรับแขก การสนทนาของ
เซบาสกับโซลูชั่นไม่เคย
เป็นแบบนี้มาก่อน มันแตกต่างจากสถานการน่าอึดอัดใจในปัจจุบันมาก
โซลูชั่นเปิดประตูให้เซบาสที่กำลังอุ้มเด็กสาวอยู่ ม่านบริเวณหน้าต่างถูกปิดอยู่ทำให้ภายในห้องดูมืด
มาก แต่บรรยากาศภายในดูบริสุทธิ์และในห้องก็สะอาดสะอ้าน
ภายในห้องสว่างด้วยแสงจันทร์ที่กระจายออกมาระหว่างม่าน หลังจากเข้ามาในห้องเซบาสวางผู้หญิงคน
นั้นลงบนเตียงที่อยู่ภายใน
เซบาสได้ใช้เวทย์รักษาขั้นพื้นฐานไปบ้างแล้วแต่เด็กสาวก็ยังคงนิ่งเหมือนศพ
"งั้น..."
โซลูชั่นเปิดผ้าที่พันรอบตัวเด็กสาวออกเผยให้เห็นถึงร่างที่มีแต่รอยฝกช้ำจากถูกทุบตีอย่างทารุณ มัน
เป็นภาพน่ากลัวที่หาดูได้ยาก แต่โซลูชั่นก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมา สายตาของเธอมีแต่เบื่อหน่าย
"...โซลูชั่น ส่วนที่เหลือฝากจัดการให้ทีนะ"
ด้วยเหตุนี้เซบาสจึงเดินออกจากห้องไป โซลูชั่นไม่ใส่ใจอะไร และเริ่มทำการตรวจสอบเด็กผู้หญิง
ตอนนี้เซบาสอยู่ที่ทางเดินที่ที่เขาไม่สามารถได้ยินเสียงของโซลูชั่นได้ โซลูชั่นพูดเบาๆออกมา
"ช่างไร้สาระนัก"
เสียงพึมพำของเธอหายไปในอากาศโดยไม่มีการตอบกลับออกมา
เซบาสลูบเคราของเขาโดยไม่รู้ตัวระหว่างคิดถึงเรื่องที่ทำไมเขาถึงต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้เขาเองก็
ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน
ความสงสารหรอ?
ไม่,นั้นก็ไม่ใช่. ทำไมเขาถึงช่วยเธอกัน?
เซบาสเป็นถึงพ่อบ้านผู้รับใช้นาซาลิค ความภักดีของเขาถวายให้แก่เหล่า41สิ่งมีชีวิตผู้ยิงใหญ่ อีกทั้งเขา
ยังเป็นหนี้การรับใช้ต่อหัวหน้ากิลด์ผู้ได้ใช้นามว่า ไอซ์น อูน โกว์น
ความภักดีของเขาเป็นของแท้ เซบาสมั่นใจว่าเขายินดีที่จะสละชีวิตเพื่อผู้ปกครองสูงสุดแน่นอน
อย่างไรก็ตาม...หากต้องเลือกที่จะเชื่อฟังหนึ่งใน41สิ่งมีชิวิตผู้ยิ่งใหญ่ เซบาสก็จะเลือกชายที่ชื่อทัชมี
โดยไม่ลังเลเลย
♦ ♦ ♦
ทัชมีเป็นคนที่เก่งที่สุดใน ไอซ์ อูว โกว์ และยังเป็นผู้ที่สร้างเซบาสขึ้นมา อีกทั้งเขายังเคยได้รับตำแหน่ง
แชมป์โลกผู้มีชื่อเสียงที่มากมาย
กิลด์นี้รุ่งโรญจ์ด้วยชื่อเสียงทางการ PK ใครจะรู้ว่าทัชมีเป็นผู้ก่อตั้งกิลด์แค่เพื่อต้องการปกป้องคน
อ่อนแอ? แต่นั้นก็เป็นความจริง
ตอนที่โมมอนกะถูกโดนลุม PK ซ้ำๆจนเขาโกรธจนเกือบจะเลิกเล่นเกมนี้ ทัชมีก็เป็นคนยื่นมามาช่วยเขา
ตอนที่บูคูบูคูชากามะ ไม่สามารถหาคนมาผจญภัยด้วยกันได้เนื่องจากรูปลักษณ์ของเธอ ทัชมีก็เป็นคน
ยื่นมือเข้ามาช่วยเช่นกัน
♦ ♦ ♦
ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยเหลือผู้อื่นมันเหมือนโซ่ที่มองไม่เห็นซึ่งผูกรั้งเซบาสไว้
"หรือว่านี้ เป็นคำสาปกัน..."
คำพูดนี้หยาบคายมาก หากเหล่าคนในนาซาลิคผู้ถูกสร้างโดย41สิ่งมีชีวิตที่ยิงใหญ่ มาเห็นเข้าพวกเขา
อาจจะโจมตีเซบาสทันทีเหตุเพราะไม่มีความเคารพ
"การแสดงความสงสารและช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาซาลิค นี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง" เซบาส
พูดอย่างโกรธเคืองออกมา
นั้นเป็นสิ่งที่เขาได้แค่คิด
สมาชิกทุกคนในนาซาลิค ถูกสร้างและใส่นิสัยกับความนึกคิดโดยเหล่า41สิ่งมีชีวิตที่ยิงใหญ่ ยกตัวอย่าง
เช่นหัวหน้าแม่บ้าน Pestonya S. Wanko - ผู้ที่เชื่อว่าการละทิ้งคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนาซาลิคเป็นเรื่องที่
ควรทำ
ยกตัวอย่างเขาเคยได้ยินมาจาก โซลูชั่น เกี่ยวกับเหล่าเมดนักรบ (Pleiades) ชื่อลูปซิเลกิน่า- เธอเข้ากัน
ได้ดีกับเด็กผู้หญิงจากหมู่บ้านคาร์เน่ แต่เซบาสรู้ดีหากมีอะไรเกิดขึ้นลูปก็สามารถจะกำจัดผู้หญิงคนนั้น
ได้โดยไม่ต้องลังเลเลย
นั้นไม่ใช่เพราะเธอโหดร้าย
หากนายเหนือหัวของพวกเขาสั่งให้ไปตาย พวกเขาก็จะฆ่าตัวตายทันที หากนายเหนือหัวสั่งให้ฆ่าใคร
คนนึง พวกเขาจะฆ่าโดยไม่ลังเลเช่นกันถึงแม้เป้าหมายจะเป็นเพื่อนของพวกเขาเอง ในทางกลับกัน
ทุกคนเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้ดี
สำหรับเรื่องของมนุษย์กล่าวได้อย่างเดียวคือ -มันไร้ค่า- เซบาสรู้สึกผิดต่อการกระทำนี้
ขณะที่เซบาสกัดริมฝีปากของตัวเองโซลูชั่นก็เดินออกมาจากห้อง เธอยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับสวม
หน้ากาก
"เป็นไงบ้าง"
"... เธอเป็นโรคซิฟิลิสและอีกสองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซี่โครงและนิ้วหลายซี่หัก เส้นเอ็นที่แขน
ขวาและขาซ้ายของเธอถูกตัดขาด ฟันกรามบนและล่างของเธอถูกดึงออกมา การทำงานของอวัยวะ
อ่อนแอและที่ทวารหนักมีรอยแยก มีอาการติดยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของรอยฟกช้ำและ
บาดแผลนับไม่ถ้วน นี้คือข้อสรุปโดยรวมเกี่ยวกับสภาพของเธอ คุณต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมไหม? "
"ไม่ ฉันคิดว่าไม่ ที่สำคัญคือ เธอสามารถหายได้ไหม"
"เป็นเรื่องง่ายค่ะ"
เซบาสคาดหวังถึงคำตอบนั้นเช่นเดียวกัน
สกิลฮีลลิ่งอาจจะรักษาได้แม้กระทั้งแขนขาที่ถูกตัดขาด เซบาสเองก็สามารถใช้สกิลฮีลลิ่งรักษา
บาดแผลต่างๆได้ หากเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสาเหตุอื่นๆเซบาสก็จะรักษาบาดแผลของผู้หญิงคนนี้ไป
แล้ว
นั้นก็คือเวทย์รักษาสามารถรักษาบาดแผลทางกายภาพได้ แต่มันไม่สามารถรักษาพิษหรือโรคได้เช่นกัน
เซบาสมีแค่เวทย์รักษาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงต้องขอให้โซลูชั่นช่วยในเรื่องนี้
"งั้นขอฝากด้วยละกัน"
"ถ้าจำเป็นต้องใช้เวทย์รักษาบางทีอาจจะดีกว่าถ้าเราขอให้ท่านPestonyaช่วย"
"ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก โซลูชั่นเธอมีม้วนเวทย์รักษาใช่ไหม"
หลังจากเห็นโซลูชั่นพยักหน้า เซบาสพูดต่อ
"งั้นใช้มัน"
"...ท่านเซบาส นี้เป็นม้วนเวทมนตร์ที่รับได้มาจากนายเหนือหัวของเรา การที่นำมาใช้กับมนุษย์มันเป็น
เรื่องที่..."
นั้นเป็นเรื่องจริง เซบาสควรคิดถึงการใช้วิธีอื่นแทน อย่างไรก็ตามเขาไม่ทราบว่ามันจะมีเวลาเพียงพอรึ
เปล่า เธออาจจะตายด้วยโรคของเธอก่อน มีเพียงต้องรักษาเธอในทันทีเท่านั้น
หลังจากที่เซบาสคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ออกคำสั่งโซลูชั่นด้วยเสียงที่หนักแน่น
"ทำมันสะ"
โซลูชั่นหรี่ตาลงและราวกับมีเปลวไฟลุกขึ้นมาในตาของเธอ อย่างไรก็ตามโซลูชั่นโค้งคำนับศรีษะของ
เธอเพื่อพยายามซ่อนความรู้สึกนี้
"...เข้าใจแล้วคะ ฉันต้องคืนสภาพผู้หญิงคนนี้-หรือก็คือต้องทำให้ร่างของเธอกลับไปสู่สถานะก่อนที่จะ
เข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้น ใช่ไหมค่ะ?"
หลังจากได้เห็นว่าเซบาสให้ทำตามนั้น โซลูชั่นโค้งคำนับอีกครั้ง
"จะจัดการให้ทันทีค่ะ"
"แล้วก็รบกวนอีกเรื่องที ฉันอยากให้เธอเตรียมน้ำอุ่นสำหรับเช็ดตัวเธอ หลักจากทำการรักษาได้ไหม?
ฉันจะออกไปซื้ออาหารเตรียมไว้"
ที่นี้ไม่มีใครต้องกินและไม่มีใครทำอาหารได้ อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์เวทมนตร์ใดๆที่ต้องใช้อาหาร ดังนั้นเซ
บาสจึงต้องออกไปซื้ออาหารเตรียมไว้
"...ท่านเซบาสการรักษาเป็นงานที่เรียบง่าย แต่ฉันไม่มีความสามารถรักษาบาดแผลทางจิตใจ"
โซลูชั่นมองไปที่เซบาส
"ถ้าจำเป็นต้องรักษาบาดแผลแบบนั้น ฉันคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าเราจะขอให้ท่านไอซ์ช่วย เห็นด้วยไหมค่ะ"
"...ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านไอซ์หรอก เรื่องอาการทางจิตใจเราจะจัดการกันในภายหลัง
โซลูชั่นโค้งคำนับอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้อง เซบาสเฝ้ามองเธอจนเธอจากไปจากนั้น
เขาก็เอนตัวลงกับกำแพงใกล้ๆ
ฉันควรจัดการยังไงดี-
ทางที่ดีที่สุดคือรอจนกว่าเธอจะได้รับการรักษา ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นหนีไปแล้ว ก็พาเธอไปปล่อยในที่ที่
เธออยากไป อีกทั้งเขาต้องเลือกสถานที่ที่อยู่ไกลจากเมืองหลวง แต่การบอกให้เธอเดินออกจากที่นี้ไป
สะมันก็ดูอันตรายและโหดร้ายเกินไป จนเรียกว่าไม่ต่างกับการไม่ได้ช่วยเธอเลย
อีกทั้งมันยังคงเป็นเรื่องที่ถูกต้องรึเปล่าที่เขาเซบาสเตี้ยนพ่อบ้านแห่งนาซาลิค จะทำเช่นนี้
เซบาสถอนหายใจอย่างหนักออกมา
"ฉันมันบ้าขนาดไหนที่คิดทำทุกอย่างเพื่อมนุษย์"
แต่ไม่ว่าเขาจะคิดหนักแค่ไหนเขาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ ดังนั้นเซบาสจึงตัดสินใจที่จะหยุดแสวงหาคำ
ตอบ ตอนนี้เขาควรจะเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ มันอาจจะเป็นความล่าช้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นี่เป็น
สิ่งที่ดีที่สุดที่เซบาสทำได้ตอนนี้
♦ ♦ ♦
โซลูชั่นเปลี่ยนรูปทรงนิ้วของเธอ มันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายเข็มฉีดยาที่มีความหนาเพียงแค่มิลลิเมตร ใน
ฐานะที่เธอเป็นShoggoth(ปีศาจคล้ายสไลม์) เธอสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างของเธอได้อย่างง่ายดาย
เธอหันไปมองที่ประตูเมื้อรู้ว่าเซบาสออกไปแล้ว จากนั้นเธอเดินเข้ามาใกล้ผู้หญิงที่อยู่บนเตียง
โซลูชั่นเอามือเข้ามาหยิบม้วนเวทมนตร์ที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเอง
ม้วนเวทมนตร์ไม่ใช่ไอเท็มเพียงอย่างเดียวที่โซลูชั่นเก็บไว้ในตัวได้ นอกจากม้วนเวทมนตร์เธอยังมีอาวุธ
และอุปกรณ์สำหรับการต่อสู้อีกเป็นจำนวนมาก ไม่แปลกเลยถ้าเธอจะสามารถเก็บมนุษย์เข้ามาหลายคน
ได้เช่นเดียวกัน
โซลูชั่นมองไปที่ผู้หญิงที่ไม่ได้สติคนนี้
เธอไม่ได้สนใจรูปโฉมของเธอมากนัก สิ่งเดียวที่เข้ามาในจิตใจ
คือ-มนุษย์คนนี้ดูไม่น่าอร่อย
มันเป็นร่างที่เหมือนกับศพเดินได้ หากโซลูชั่นกลืนเธอลงไปเธอก็คงไม่มีแรงพอที่จะร้องหรือตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด แม้ว่าโซลูชั่นจะปล่อยสารกัดกร่อนก็ตาม
"บางทีฉันอาจจะเข้าใจท่านเซบาส ถ้าเขาตั้งใจที่จะรักษาจนเธอฟื้นตัวและนำมันมาเป็นของเล่น แต่นี้..."
โซลูชั่นรู้นิสัยเซบาสดีเพราะเขาก็เป็นผู้นำของกลุ่มเมดนักรบ เซบาสไม่อนุญาติให้จับมนุษย์กินระหว่างการเดินทาง อีกทั้งยังช่วยเหลือมนุษย์ที่เข้ามาลอบโจมตีอีกด้วย
"ถ้าท่านเซบาสช่วยเธอเพราะคำสั่งของนายเหนือหัวของพวกเราฉันก็จะปฎิบัติตาม แต่การใช้สมบัติที่มีค่าพวกนี้ให้แก่มนุษย์เพียงคนเดียว มันคุ้มค่าแล้วหรอ?"
โซลูชั่นส่ายหัวและพยายามลืมเรื่องพวกนั้นสะ
"...หรือฉันควรกินเธอก่อนที่ท่านเซบาสจะกลับมา ดี?"
โซลูชั่นแกะตัวผนึกออกและคลี่ม้วนคำภีร์ออกมา ม้วนเวทมนตร์ได้เก็บเวทย์ที่เรียกว่า[ฮีล] มันเป็นเวทย์รักษาระดับ 6 เวทย์ขั้นสูงที่สามารถรักษาทางกายภาพและโรคหรือสภาวะผิดปกติอื่นๆได้อีกด้วย
ตามปกติม้วนเวทมนตร์จะสามารถใช้ได้กับผู้ใช้เฉพาะทางเท่านั้น หรือก็คือผู้ใช้ต้องเป็นคลาสนักบวชระดับสูงจึงจะสามารถใช้ม้วนเวทย์นี้ได้ อย่างไรก็ตามคลาสขโมยสามารถใช้อุปกรณ์เวทมนตร์หรือม้วนเวทมนตร์ของคลาสอื่นๆได้ ด้วยการใช้สกิล"ลวง"
ในฐานะนักฆ่าโซลูชั่นเธอจึงมีสกิลคลาสโจรอยู่มาก เธอจึงสามารถใช้ฮีลระดับสูงที่เซบาสไม่สามารถใช้ได้
"ต่อจากนี้ ฉันควรให้เธอหลับไปสะก่อน"
โซลูชั่นใช้ทักษะในร่างกายสังเคราะห์ยานอนหลับและยาแก้ปวดออกมาจากนั้นเธอก็ฉีดเข้าไปในตัวเด็กสาวคนนั้น
♦ ♦ ♦
เดือน 8 วันที่ 26 เวลา 19.37
เซบาสกลับมาจากการซื้ออาหารเช่นเดียวกับโซลูชั่นที่เดินออกมาจากห้องพอดี เธอถือถังสองถังออกมาในนั้นมีผ้าที่ดูสกปรกอยู่ข้างใน
ผ้าที่สกปรกอยู่ในน้ำที่แทบจะเป็นสีดำไปแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสกปรกของเด็กสาวที่เอาเข้ามา
"ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยโซลูชั่น ไม่มีปัญหาด้านการรักษาใช่ไหม"
"ค่ะ ทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากไม่มีเสื้อผ้าให้เธอใส่ ฉันก็เลยเอาเสื้อผ้าที่เรามีใส่ให้แบบมั่วๆไปก่อน ได้ใช่ไหมค่ะ?"
"แน่นอน มันเป็นเรื่องถูกต้องที่ควรทำ"
"ค่ะ...ตอนนี้เธอคนนั้นน่าจะตื่นจากการนอนหลับแล้ว...ถ้าไม่มีคำสั่งเพิ่มเติม ฉันขอตัวก่อนนะค่ะ"
"ขอบใจมาก โซลูชั่น"
โซลูชั่นพยักหน้าตอบและเดินผ่านเซบาสไป
หลังจากเห็นว่าเธอไปแล้ว เซบาสเคาะประตู. ไม่มีการตอบกลับใดๆ แต่เขาก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านในเขาจึงค่อยๆผลักประตูอย่างเงียบๆ
เด็กสาวที่หลับอยู่บนเตียงเพิ่งที่จะฟื้นสติขึ้นมา เธออยู่ในท่านั้ง ดูราวกับยังงัวเงียอยู่
เธอแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ผมบลอนด์ที่มีแต่ความสกปรก ตอนนี้สว่างไสวดูสวยงาม แม้แต่ความผอมที่ราวกับกิ่งไม้ก็กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ ริิมฝีปากที่แตก ตอนนี้ก็มีชมพูแลดูสุขภาพดีแล้ว
โดยรวมแล้วเธอดูสวยมาก รูปลักษณ์ของเธอกล่าวได้ว่าดูมีความน่ารักมากกว่าเซ็กซี่
อายุของเธอดูออกได้ง่าย เธอดูอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย อายุของเธอก็จะราวๆ15-19 แม้ว่าสีหน้าของเธอแสดงถึงเรื่องที่เธอต้องเผชิญมาทำให้เธอดูโตกว่าอายุที่เธอเป็น
โซลูชั่นมอบชุดคลุมสีขาวให้เธอใส่มันดูเรียบๆไม่มีเครื่องตกแต่งหรือลูกไม้อะไรเป็นพิเศษ
"ฉันเชื่อว่าคุณได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง"
ไม่มีคำตอบ ดวงตาของเธอไม่กล้าพอที่จะมองเซบาส อย่างไรตามเซบาสไม่ได้ว่าอะไรและพูดต่อ
ที่จริงเซบาสไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตอบเขา นั้นเป็นเพราะเซบาสรู้ว่าการแสดงออกของเธอตอนนี้ เต็มไปด้วยความวอกแวกใจลอยอยู่
"คุณหิวรึเปล่า? ฉันซื้ออะไรมาให้กินด้วย"
เขาได้ซื้อมันมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง รวมทั้งชามช้อนด้วย
โจ๊กในชามไม้ทำมาจากซุปและวัตถุดิบต่างๆในร้าน มันมีส่วนผสมของน้ำมันงาเพื่อความอร่อยโดยทั้งหมดแผ่กลิ่นหอมชวนน่ารับประทาน
ใบหน้าของเด็กสาวกระตุกตอบสนองต่อกลิ่นหอมนั้น
"มาสิ, ลองดูด้วยตัวเอง"
เมื้อเห็นว่าเด็กสาวยังไม่ถอนตัวออกจากโลกส่วนตัว เซบาสจึงวางชามไว้ด้านหน้าของเธอ
เธอไม่ได้ขยับใดๆ เซบาสก็ไม่พยายามบังคับให้เธอกิน
หากมีบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ก็คงหงุดหงิด หลังจากเวลาผ่านไปนานมือของเธอก็ขยับช้าๆการเคลื่อนไหวของเธอดูราวกับกลัวที่จะถูกทำร้าย
แม้บาดแผลภายนอกได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ แต่ความเจ็บปวดที่ถูกตราตรึงไว้ในจิตใจของเธอยังคงอยู่
เธอหยิบช้อนไม้ตักลงไปในโจ๊ก จากนั้นก็นำมันมาไว้ที่ปากของเธอและงับมันลงไป
โจ๊กปกติอาจจะอัดแน่นและหนาไปด้วยข้าว แต่เซบาสได้ขอให้เจ้าของร้านที่จะหั่นอย่างละเอียด14ส่วนผสมที่แตกต่างกัน ทำให้มันสามารถกลืนได้โดยไม่ต้องเคี้ยว
ลำคอของเธอทำงาน โจ๊กได้ไหลเข้าไปลงในท้องเรียบร้อย
ดวงตาของเด็กสาวสั่นเล็กน้อย มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยมากๆแต่ก็เพียงพอที่จะเปลีั่ยนเธอที่ดูเป็นตุ๊กตากลับมาเป็นมนุษย์ มืออีกข้างของเธอสั่นขณะที่จะเอาชามเข้ามาใกล้ตัว
เซบาสช่วยเหลือด้วยการขยับชามเข้าไป ให้ง่ายที่เธอจะหยิบ
เด็กสาวคว้าชามเข้ามา จากนั้นก็ตักโจ๊กอย่างมีพลังขณะที่เธอกินมัน
หากโจ๊กไม่ได้ถูกทำให้เย็น ความตื่นเต้นขณะกินของเธอก็คงทำให้เธอแสบลิ้นแน่ น้ำซุปหกออกมาจากปากของเธอ จนเลอะชุดแต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เธอดูเหมือนดื่มมากกว่ากิน
หลังจากเธอกินจนหมดทำให้เธอดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้ขึ้นมาบ้าง เธอถือชามไว้และหายใจออกอย่างผ่อนคลาย
เมื้อความเป็นมนุษย์เริ่มกลับมาแล้ว เปลือกตาของเธอก็ค่อยๆขยับลง
ท้องที่เต็มอิ่มเสื้อผ้าใหม่และร่างกายที่สะอาดสะอ้านช่วยบรรเทาจิตใจของเธอ จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกที่จะเหนื่อยล้าขึ้นมา
ขณะที่ตาของเธอกำลังหลับลงจู่ๆมันก็เปิดกว้างขึ้นมา มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนเธอต้องขดตัว
เธอกลัวที่จะหลับตาลงหรือกลัวว่าเรื่องที่เป็นอยู่จะหายไปราวกับความฝัน?หรือเป็นอย่างอื่น? เซบาสที่เฝ้ามองเธออยู่ใกล้ๆก็ไม่สามารถรู้ได้
เพื่อที่จะปลอบโยนเธอ เซบาสกล่าวอย่างอ่อนโยนออกมา
"ร่างกายของคุณจำเป็นต้องพักผ่อน ไม่ต้องฝืนหรอกทำใจให้สบาย จะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับคุณตราบเท่าที่คุณอยู่ที่นี้แน่นอน ฉันรับประกันเมื้อคุณตื่นขึ้นมาก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
สายตาของเด็กสาวเริ่มขยับเป็นครั้งแรก เธอมองไปที่เซบาส
ตาสีฟ้าของเธอดูหมองคล้ำและไร้พลัง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สายตาของซากศพอีกต่อไป แต่เป็นความมีชีวิต
ปากเล็กๆของเธอเปิดขึ้นมา-และปิดลง จากนั้นก็เปิดขึ้นมาอีกครั้งและปิดอีกครั้ง มันเกิดขึ้นซ้ำๆหลายครั้ง แต่เซบาสก็ไม่ได้พยายามบังคับให้เธอพูดอะไร เขาเฝ้าดูเธออย่างนุ่มนวญเงียบๆ
"อ่า..."
ในที่สุดปากของเธอก็เปิดออก มีเสียงที่เบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่เธอก็พยายามพูดให้ดังขึ้น
"ขอบ...ขอบคุณ"
คำพูดแรกของเธอไม่ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เป็นการขอบคุณ เซบาสเริ่มเข้าใจถึงนิสัยของเธอขึ้นมาบ้างทำให้เขายิ้มออกมา มันเป็นยิ้มที่จริงใจไม่ใช่ของปลอมที่ตามปกติเขามักทำ
"ไม่เป็นไร ตั้งแต่ฉันช่วยเธอมาฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับประกันความปลอดภัยให้เธอเอง"
ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและปากของเธอก็เริ่มสั่น
ดวงตาสีฟ้าของเธอเริ่มมีน้ำตาจนไหลล้นออกมา เธอเปิดปากและร้องไห้อย่างน่าสงสารออกมา
ในไม่ช้าเขาก็ได้ยินคำสาปแช่งผ่านการร้องไห้
เธอสาปแช่งชะตากรรมของเธอ เธอไม่พอใจความจริงของชะตากรรมที่เธอมี เธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่มีใครมาช่วยเธอเลยจนถึงปัจจุบัน ความโกรธของเธอถูกส่งไปให้เซบาสเช่นเดียวกัน
ถ้าเพียงแค่คุณช่วยฉันเร็วกว่านี้
หลังจากได้รับการดูแลของเซบาส หลังจากการถูกปฎิบัติเฉกเช่นมนุษย์ มันราวกับว่าส่วนหนึ่งของเธอได้พังทลายลงมา ความเครียดและความทรมาณที่เธอต้องทนจนถึงบัดนี้ จะพูดได้ว่าหลังจากความเป็นมนุษย์ของเธอได้ฟื้นขึ้นมา เธอก็ไม่สามารถแบกรับความทรงจำอันแสนเจ็บปวดของเธอได้
เธอดึงผมของเธอเอง จนเส้นผมสีทองนับไม่ถ้วนพันรอบๆนิ้วของเธอ . ชามโจ๊กกลิ้งตกลงไปที่เตียง
เซบาสเฝ้าดูอย่างเงียบๆขณะที่เธอกำลังคลั่ง
ความเกลียดชังและคำสาปแช่งถูกนำมาลงกับคนผิดคน เธอกำลังมองหาแพะรับบาปอย่างชัดเจน
หากเป็นคนอื่นคงจะไม่พอใจหรือเริ่มโกรธขึ้นมา อย่างไรก็ตามไม่มีความโกรธบนใบหน้าของเซบาสมันเต็มไปด้วยความเมตตา
เซบาสเอนตัวไปข้างหน้าและกอดเธอเอาไว้
มันเหมือนกับพ่อที่กอดลูก ไม่มีความอาฆาต มีเพียงความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ร่างกายของเธอแข็งไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็รู้ว่าอ้อมกอมนี้แตกต่างจากผู้ชายที่เพียงแค่ต้องการเข้ามาละเมิดเธอ ร่างกายเธอก็ค่อยๆผ่อนคลาย
"ไม่เป็นไร"
เซบาสพูดคำนั้นซ้้ำๆ เขาตบหลังเธอเบาๆราวกับปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้
เธอร้องคร่ำครวญ-จากนั้นเมื้อเธอค่อยๆเข้าใจคำพูดของเซบาส เธอฝังใบหน้าไปที่อกของเซบาสและร้องไห้เสียงดังออกมา น้ำตาของเธอตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
♦ ♦ ♦
จนเวลาผ่านไปในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ เสื้อของเซบาสเต็มไปด้วยน้ำตา เธอค่อยๆคลายตัวเองออกจากแขนของเซบาสและลดศีรษะลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดง
"อ่า...ฉัน...ขอโทษ..."
"ไม่ต้องกังวล การได้มอบหน้าอกให้แก่สุภาพสตรีถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้ชายคนหนึ่ง"
เซบาสดึงผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกจากกระเป๋าเสื้อและมอบให้กับเธอ
"โปรดใช้นี้"
"แต่...ให้ฉัน...ยืมนี้...มันสะอาด..."เธอถามอย่างกังวล เซบาสเอื้อมไปไปจับคางของเธอและค่อยๆยกขึ้น เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะที่เธอกำลังนิ่งด้วยความกลัว ผ้าเช็ดหน้าก็ค่อยๆลูบไปทั่วดวงตาของเธอ
ทำให้เซบาสนึกถึงการสนทนาระหว่างโซลูชั่นกับแชลเทียร์ล่าสุด แชลเทียร์รู้สึกดีใจมากที่ท่านไอซ์ได้เช็ดน้ำตาให้เธอ
สถานการณ์อะไรทำให้เจ้านายเขาต้องเช็ดน้ำตาให้แชลเทียร์? เขาจินตนาการถึงสภาพแชลเทียร์ตอนร้องไห้ไม่ออกเลย ขณะที่เซบาสกำลังคิด มือของเขาก็ยังกำลังทำความสะอาดใบหน้าเด็กสาวอยู่
"อ่า.."
"ใช้นี้นะ" เซบาสกล่าวขณะยัดผ้าเช็ดหน้าที่เปียกไว้ในมือของเธอ "มันค่อนข้างน่าเศร้าหากผ้าเช็ดหน้าไม่ได้ถูกใช้โดยเฉพาะเมื้อน้ำตาแห้งขึ้นมา"
เซบาสยิ้มและขยับออกห่างเธอ
"เอาละ ตอนนี้พักผ่อนก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอนาคตอื่นๆเราค่อยว่ากันเมื้อเธอตื่นขึ้นมา"
เวทมนตร์ไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ร่างกายของเธอได้รับการฟื้นฟูจากการรักษาของโซลูชั่นรวมทั้งความเหนื่อยล้าก็ถูกลบออกไปด้วย ดังนั้นร่างกายของเธอสามารถทำงานได้อย่างปกติทันที อย่างไรก็ตามเธออยู่ในนรกจนกระทั้งไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บาดแผลทางจิตใจของเธออาจจะระเบิดออกอีกครั้งหากสนทนาเป็นเวลานาน
ความจริงแล้วความคิดของเธอยังไม่มั่นคงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเธออาจจะทุกข์ทรมาณอยู่ในตอนนี้ เวทมนตร์อาจรักษาความทุกข์ทางจิตวิญญาญได้แต่มันไม่ใช่สาเหตุนั้่นเท่านั้น บาดแผลทางจิตวิญญาญที่มองไม่เห็นไม่สามารถรักษาให้หายขาดไ้ด้
เท่าที่เซบาสรู้ คนที่สามารถลบล้างความเสียใจทางจิตใจได้อย่างสมบูรณ์คือนายเหนือหัวของเขาหรือไม่ก็ Pestonya S. Wanko ก็อาจะทำได้ด้วย
"อนาคต...?"
เซบาสไม่แน่ใจว่าเขาควรคุยเรื่องนี้ตอนนี้กับเธอดีไหม อย่างไรก็ตามเธอเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาเขาจึงตัดสินใจที่จะตอบกลับ
"มันไม่ปลอดภัยหากเธอจะอยู่ที่เมืองหลวงต่อไป เธอมีญาติหรือเพื่อนให้กลับไปหาบ้างไหม?"
เธอส่ายหน้า
"ยังงั้นหรอ..."
เธอไม่มีบ้างเลยหรอ? แต่แน่นอนเซบาสไม่ได้พูดออกไป
มันคงเป็นปัญหาบ้าง เซบาสคิด อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ชายคนนั้นอาจจะยังไม่ถูกจับได้อีกทั้งมันยังต้องใช้เวลาที่จะสาวถึงตัวเซบาส แน่นอนเซบาสรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมองโลกในแง่ดีแต่กระนั้นเขาก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยเขาหวังจะให้เธอฟื้นคืนจิตใจให้ดีก่อน
"งั้น ช่วยบอกชื่อของเธอได้ไหม"
"อ่า...ฉัน...:ซึอาเระ..."
"ซึอาเระงั้นหรอ? ฉันยังไม่ได้ชื่อของฉันเลย ฉัน เซบาสเตี้ยน เรียกเซบาสเฉยๆก็ได้ เป็นคนรับใช้ของท่านโซลูชั่น เจ้าของบ้านหลังนี้"
แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง
โดยปกติโซลูชั่นสวมชุดเดรสแทนชุดแม่บ้านปกติของถืออยู่แล้วเพื่อไม่ให้แขกแปลกใจ อย่างไรก็ตามเซบาสต้องบอกให้เธอคอยแกล้งทำเป็นนายหญิง ตอนที่ซึอาเระอยู่บ้าน
"คุณ...โซ...ชั่น..."
"ใช่แล้ว ท่านโซลูชั่น แอปโซลอน ฉันคิดว่าคุณคงโอกาสได้พบเธอ"
"...?"
"ตอนนี้คุณหนูคง...ยังไม่สะดวกมาพบหน่ะ"
เซบาสปิดปากของเขาลงเพื่อเป็นการบอกว่าจะพูดเรื่องนี้ในภายหลัง หลังจากเงียบไปชั่วครู่เขาจึงพูดต่อ
"เอาละ วันนี้นอนได้แล้ว พรุ้งนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง"
"ค่ะ..."
หลังจากตรวจสอบว่าซึอาเระกลับไปนอนบนเตียงแล้ว เขาจึงหยิบชามโจ๊กเดินออกจากห้องไป
เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบโซลูชั่นยืนอยู่ตามที่เขาคาด เธออาจจะแอบฟังอยู่ตลอดแต่เซบาสก็ไม่ตำหนิเธอ เพราะโซลูชั่นรู้ว่าเซบาสจะไม่ว่าอะไรเธอ เธอจึงยืนฟังโดยไม่ได้ปกปิดหรือซ่อนตัวแต่อย่างใด
อีกทั้งเธอเป็นคลาสนักลอบสังหาร หากเธอต้องการจะซ่อนตัวไม่ให้เซบาสรู้ตัวเธอก็ทำได้อย่างง่ายดาย
"มีอะไรหรอ"
"ท่านเซบาสค่ะ ฉันขอถามได้รึเปล่า จะจัดการเธอยังไง"?
เซบาสกังวลเรื่องประตูด้านหลังเขา มันหนาแต่ก็ไม่สามารถป้องกันเสียงได้สมบูรณ์ ถ้าพวกเขาจะพูดกันตรงนี้ก็จะคุยเสียงดังไม่ได้
เซบาสจึงเดินออกไปจุดอื่นและโซลูชั่นก็ตามมาอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามาถึงจุดที่คิดว่าจะไม่ได้ยินแล้ว เขาจึงหยุดลง
"...หมายถึง ซึอาเระสินะ เรื่องนั้นฉันจัดการเอง ไว้วันพรุ้งนี้ฉันค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ"
"ชื่อนั้น..."
โซลูชั่นยังไม่พูดไม่จบ แต่พยายามปกปิดอารมณ์และพูดต่อ
"บางทีฉันอาจจะล้ำเส้นไปหน่อย แต่สิ่งนี้มีโอกาสสูงที่จะขัดขวางการทำงานของเรานะค่ะ เราควรหาทางจัดการกับมันให้เร็วที่สุด"
คำว่า"จัดการ"หมายถึงอะไรกันแน่?
หลังจากได้ยินคำพูดของโซลูชั่นแล้ว เซบาสก็คิดถึงเรื่องที่เขาคาดไว้ การเป็นข้ารับใช้ของนาซาลิคจากเหล่า41ตัวตนที่ยิงใหญ่ ไม่ควรคิดถึงบุคคลอื่น ทัศนคติที่เซบาสมีต่อซึอาเระถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด
"คุณพูดถูกแล้ว ถ้าเธอคนนั้นขัดขวางต่อคำสั่งของท่านไอซ์ ฉันจะจัดการเธอโดยไม่ลังเลเลย"
โซลูชั่นดูแปลกใจ และพูดว่า"ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงทำแบบนี้ละ"
"เธออาจจะมีประโยชน์ เนื่องจากเราได้ช่วยเธอมาแล้ว มันก็น่าเสียดายถ้าจะทิ้งเธอไป เราควรคิดถึงวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากเธอดีกว่า"
"...ท่านเซบาส ฉันไม่รู้ว่าคุณเอาเธอมาจากไหน แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นแสดงว่ามันต้องมีเรื่องเบื้องหลังแน่ และไม่คิดว่าเธอจะไม่พอใจที่ยังมีชีวิตอยู่หรอ?"
"ตอนนี้เรื่องนั้นก็ไม่เป็นปัญหาแล้วนี้?"
"...นั้นก็หมายถึง คุณมีใจให้พวกมนุษษ์พวกนั้นแล้วใช่ไหมค่ะ?"
"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก ถ้ามีปััญหาอะไรเกิดขึ้นฉันจะจัดการเอง ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะสามารถช่วยดูอย่างเงียบๆจนกว่าจะถึงตอนนั้นได้รึเปล่า เข้าใจไหม โซลูชั่น?"
"...เข้าใจแล้วค่ะ"
โซลูชั่นกลืนความหงุดหงิดของเธอขณะมองดูเซบาสเดินจากไป
ตอนนี้เซบาสได้พุดกับเธอไปหมดแล้ว แต่กระนั้นเธอก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ถึงแม้เธอจะไม่พอใจกับสถานการณ์นี้ก็ตาม นอกจากนี้เธอยังได้แค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆจนกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น"
"เขาคงใช้ทรัพยากรของนาซาริคไปเพื่อมนุษย์คนเดียวแน่..."
สมบัติต่างๆและทรัพยากรของนาซาริคเป็นของไอซ์ อูว โกวน์ เป็นของนายเหนือหัวสูงสุด มันไม่เป็ันไรจริงๆหรอที่จะเอามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติแบบนี้?
เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตาม
♦ ♦ ♦
เดือน 9 วันที่ 3 เวลา 09.48 (ผ่านไปประมาณอาทิตย์นึง)
เซบาสเปิดประตูหลักเข้ามา เข้าได้ไปที่สมาคมนักผจญภัยตอนเช้าและบันทึกคำขอจากกระดานแจ้งข่าวทัั้งหมดก่อนที่พวกเขาจะสังเกตเห็น
อีกทั้งเขามีข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองหลวงรวมไปถึงแม้แต่การซุบซิบบนท้องถนน จากนั้นจึงคัดกรองข้อมูลใส่กระดาษและส่งไปให้นาซาริค การวิเคราะห์ข้อมูลถือเป็นงานที่ยากลำบาก ดังนั้นจึงต้องฝากฝั่งให้เซบาสทำ
เข้าเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้าน เมื่อก่อนโซลูชั่นจะเป็นเข้ามาต้อนรับเขา อย่างไรก็ตาม-
"ยินดีต้อนรับ...กลับ...ท่าน...เซบาส"
งานนี้ถูกส่งมอบให้เด็กสาวที่พูดอย่างนุ่มนวญออกมา เธออยู่ในชุดแม่บ้านที่มีกระโปรงยาวปกคลุมขา
หลังจากวันที่เขาได้ช่วยเธอขึ้นมา หลังจากที่มีการสนทนากัน เธอตัดสินใจที่จะทำงานในบ้านหลังนี้
เซบาสสามารถเลี้ยงดูเธอในฐานะแขกได้ แต่ซึอาเระปฎิเสธ
เธอบอกว่าเธอคงรู้สึกไม่สบายใจแน่หากถูกปฎิบัติในฐานะแขก อีกทั้งเธอยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณของเซบาสเลย ดังนั้นเธอจึงหวังว่าเธอจะช่วยอะไรภายในบ้านนี้ได้บ้าง
หลังจากเซบาสเห็นความตั้งใจของเธอเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
นั้นก็เพราะว่าเธอเข้าใจถึงสถานะของตัวเอง ว่าเธอได้ก่อปัญหาให้กับบ้านหลังนี้ ดังนั้นเธอจึงอยากทำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ถูกทอดทิ้ง
แน่นอนเซบาสบอกซึอาเระไปแล้วว่าจะไม่ทอดทิ้งเธอหรอก ถ้าเขาคิดจะทิ้งเธอเขาคงไม่ช่วยเธอมาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามเซบาสไม่สามารถโน้มน้าวความรู้สึกของซึอาเระได้
"กลับมาแล้ว ซึอาเระ งานเป็นไงบ้าง"
ซึอาเระพยักหน้า
เธอแตกต่างจากตอนที่ได้พบกันครั้งแรกมากผมของเธอถูกตัดแต่งอย่างประณีตและใส่ขุดสีขาวและมีผ้าประดับอยู่บนหัว
"ค่ะ...เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ"
"งั้นเหรอ ดีใจที่ได้ยิน"
เธอยังดูขี้อายเหมือนเดิมแถมการแสดงออกของเธอแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย แต่การได้มีชีวิตอยู่แบบมนุษย์ค่อยๆทำให้ความกลัวเลือนหายไปจากเธอ และตอนนี้เธอก็เริ่มพูดได้ชัดเจนมากขึ้นแล้ว
เซบาสเดินเข้าไปและซึอาเระก็เดินตามไปด้วย
ตามหลัก การเดินข้างๆเซบาสที่เป็นหัวหน้าของเธอ ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้องสำหรับเมด อย่างไรก็ตามซึอาเระไม่เคยผ่านการฝึกฝนในเรื่องพวกนี้มาก่อน และเซบาสก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องให้เธอเรียนรู้ขึ้นมาทันที
"วันนี้มีอะไรหรอ?"
"มัน...มันฝรั่ง...สตูว์..."
"งั้นเหรอ ฉันจะตั้งตาคอยละกัน เธอทำอาหารอร่อยมากซึอาเระ"
เธอเขินอายขึ้นมาจนต้องก้มหน้าไว้ เซบาสชมเธอด้วยรอยยิ้ม จนมือของเธอกระสับกระส่าย จนเธอต้องจับผ้ากระเปื้อนในชุดของเธอเอาไว้
"คุณ'คุณใจดี...อีกแล้ว"
"ไม่,ไม่ ฉันพูดจริง ฉันไม่รู้วิธีทำอาหารเลย พอมีเธอมาทำอาหารให้แล้วมันทำให้ฉันพอใจมากเลย
ตอนนี้วัตถุดิบเพียงพอรึเปล่า? บอกฉันได้เลยนะถ้าต้องการอะไร"
"ค่ะ ฉัน...จะแจ้งให้ทราบ...เมื้อต้องการนะคะ"
ซึอาเระสามารถอยู่ได้ปกติในบ้านหลังนี้และต่อหน้าเซบาส แต่เธอยังคงเกลียดชังโลกภายนอกอยู่ เนื่องจากเธอไม่สามารถทำงานด้านนอกได้ เซบาสจึงคอยทำหน้าที่ซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์อื่นๆมาให้
การทำอาหารของซึอาเระไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เธอทำอาหารพื้นๆในชีวิตประจำวัน
เนื่องจากเพราะมันเป็นวัตถุดิบที่่ไม่แพงและยังหาได้ง่ายภายในตลาด เซบาสก็ได้เรียนรู้ข้อมูลต่างๆในตลาดรวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มของโลกใบนี้ ทำให้เขาเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
จู่ๆเซบาสก็มีความคิดดีๆขึ้นมา
"...โอกาสหน้า ไปช็อปปิ้งที่ตลาดด้วยกันไหม"
ใบหน้าตกใจเกิดขึ้นกับซึอาเระขึ้นมา หน้าของเธอซีดขึ้นมาชั่วขณะจากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยความกลัว
"ฉัน...ฉันขอผ่านได้ไหมค่ะ..."
เป็นไปตามที่เซบาสคาดไว้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา
ซึอาเระปฎิเสธทุกอย่างที่เกี่ยวกับการออกไปข้างนอกนับตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี้
เธอใช้บ้านหลังนี้เพื่อที่จะปกป้องความกลัวในใจ กล่าวได้ว่าเธอวาดเส้นบอกตัวเองว่าสถานที่นี้แตกต่างจากโลกภายนอกที่ทำร้ายเธอ นั้นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธออยู่ได้อย่างปกติ
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ซึอาเระก็จะไม่สามารถออกจากบ้านหลังนี้ได้ และเซบาสเองก็ไม่สามารถดูแลเธอได้ตลอดชีวิต
เซบาสเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องโหดร้ายและน่ากลัวสำหรับซึอาเระมากที่ต้องอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลาบ้างที่จะทำให้เธอเข้าสู่สังคมได้อีกครั้ง
เซบาสไม่มีแผนที่จะซ่อนตัวหรืออยู่ที่นี้ไปตลอด เขาเป็นคนนอกที่เข้ามาแทรกซึมเมืองนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลเท่านั่้น หากนายของเขาสั่งให้ถอนตัวกลับเขาก็คงขัดขืนไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะทำให้ซึอาเระพร้อมสำหรับวันนั้น
เซบาสหยุดการเคลื่อนไหวและมองไปที่ซึอาเระ เธอกำลังก้มหน้าอยู่ แต่เซบาสใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆยกหน้าของเธอขึ้นมา
"ซึอาเระ ฉันเข้าใจว่าคุณกลัวแค่ไหน แต่ทำใจให้สบายเถอะ ฉัน-เซบาส-จะปกป้องคุณเอง ฉันจะกำจัดภัยอันตรายทุกอย่างที่เข้ามาใกล้เธอ จนให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ"
"..."
"ซึอาเระได้โปรดออกไปข้างนอกกับผมเถอะ ถ้าเธอกลัวเธอหลับตาก็ได้นะ"
"..."
ขณะที่ซึอาเระกำลังลังเล เซบาสเข้าไปจับมือของเธอ คำพูดของเขาอาจจะทำให้เธอรู้สึกแย่มาก
"ไว้ใจฉันได้รึเปล่า ซึอาเระ?"
ความเงียบเข้าครอบคลุมจนเวลาได้ผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุดดวงตาของซึอาเระก็เริ่มมีน้ำตา ริมฝีปากสีชมพูเปิดออกเผยให้เห็นฟันขาวของเธอที่ราวกับไข่มุก
"...ท่านเซบาส...คุณมันเจ้าเลห์เกินไปแล้ว...ถ้าเป็นแบบนี้...ฉันจะกล้าปฎิเสธได้ยังไง"
"ไว้ใจได้เลย ถึงรูปร่างภายนอกฉันจะเป็นแบบนี้ แต่ฉันแข็งแกร่งพอควรเลยหล่ะ ในโลกนี้มีเพียงแค่41คนที่แข็งแกร่งกว่าฉัน...ที่จริงก็มีอีกสองสามคน"
"มัน...เยอะ...เลยนี่"
คำพูดของเซบาสทำให้ซึอาเระคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เซบาสพยายามทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น
และเธอยิ้ม เซบาสเห็นดังนั้นก็ยิ้มตอบกลับโดยไม่พูดอะไรกัน
เซบาสเริ่มเดินอีกครั้ง เขารู้ว่าซึอาเระกำลังแอบมองหน้าเขาจากด้านข้าง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
เซบาสรู้ว่าซึอาเระมีรูปร่างหน้าตาที่ทำให้เขาสนใจ อย่างไรก็ตามเซบาสรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนความกตัญญูสำหรับเธอที่ช่วยเธอจากการทุกข์ทรมาณ มันคล้ายกับสิ่งที่ทำให้เธอไว้ใจและวางใจในเซบาส
นอกจากนี้เขายังเป็นคนแก่ อาจทำให้ซึอาเระรู้สึกสับสนกับความรู้สึกระหว่างการเป็นครอบครัวและความรักโรแมนติก
แม้ว่าซึอาเระจะรู้สึกรักเซบาสอย่างแท้จริง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกของเธอได้เพียงพอ ความต้องซ่อนความลับหลายๆเรื่องไม่ให้เธอรู้ อีกทั้งสถานภาพของทั้งสองคนทำให้มันเป็นไปได้ยาก
"เดียวฉันกลับมาใหม่นะ ฉันต้องคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆกับคุณหนูนิดหน่อย"
"คุณ..โซลู..."
อารมณ์ของซึอาเระกำลังหดหู่ เซบาสรู้ว่าทำไม แต่เขายังคงไม่พูดอะไร
โซลูชั่นแทบจะเรียกได้ว่ายังไม่เคยพบซึอาเระมาก่อน มากที่สุดคือเธอแค่มองผ่านๆตอนที่เดินผ่าน คนปกติย่อมไม่สบายใจเมื่อถูกเมินแบบนั้น ในกรณีของซึอาเระเธอน่าจะรู้สึกกลัว
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณหนูเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าคุณหนูไม่พอใจเธอหรอก ถ้าให้พูดตามจริงเธอเป็นพวกขี้เอาแต่ใจหน่ะ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะ"
เซบาสยิ้มกับคำล้อเลียนตลกๆของเขา ความรู้สึกไม่สบายใจบนใบหน้าของซึอาเระก็ค่อยๆเบาบางลง
"เธอมักโมโหเมื่อเห็นเด็กสาวน่ารักหน่ะ"
"อะ...ฉันไม่...ฉันไม่มีอะไรเทียบนายหญิงได้หรอก..."
ซึอาเระลนลานเธอขยับมือราวกับมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ซึอาเระสวยแต่ไม่มีอะไรเหมือนโซลูชั่นเลย อย่างไรก็ตามความงดงามขึ้นอยู่กับผู้มอง
"ในแง่ของรูปลักษณ์ คุณเปรียบเทียบกับคุณหนูได้เลย"
"อะไม่! จะเป็นแบบนั้นได้ไง"
ใบหน้าของซึอาเระแดงและเธอเริ่มก้มหัวลง เซบาสมองดูอย่างอ่อนโยนจากนั้นเขาก็เห็นว่าคิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย
"ก็...ฉัน...มันโสโครก"
เซบาสถอนหายใจในใจ เขามองหน้าซึอาเระใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหดหู่ เขาจึงเดินไปด้านหน้าของเธอเพื่อให้เห็นหน้าซึ่งกันและกัน
แท้จริงแล้วในกรณีนี้มันคงเหมือนกับอัญมณี อันที่บริสุทธิ์ย่อมมีค่ามากกว่า มันจะถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่พิสุทธิ์สะอาด
ใบหน้าของซึอาเระลดลงเข้าไปอีกเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น
"อย่างไรก็ตาม มนุษย์แตกต่างจากอัญมณี"
ซึอาเระเงยหน้ามองขึ้นเล็กน้อย
"ซึอาเระเธอมักคิดว่าตัวเองสกปรกสินะ แต่ใครกันสามารถตัดสินความบริสุทธิ์สะอาดของมนุษย์ได้?
สำหรับอัญมณีมันมีมาตรฐานกำหนดไว้อย่างชัดเจน...แต่ใครเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของมนุษย์
มันขึ้นกับคนอื่นที่เราต้องคอยปฎิบัติตามหรอ? นั้นไม่หมายถึงผู้ที่คิดต่างย่อมไม่สำคัญหรอ?"
เซบาสพูดต่อ
"ทุก คนมีความงดงามที่แตกต่างกันออกไป หากความงดงามไม่ถูกกำหนดจากรูปลักษณ์ งั้นตามความคิดฉันเราก็ไม่สามารถกำหนดความงดงามจากประสบการณ์ที่คนคนนั่นมี แต่เป็นข้างในจิตใจ...ฉันไม่รู้ว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง แต่ฉันใช้เวลาอยู่กับเธอเพียงไม่กี่วันฉันก็รู้ว่าตัวตนที่อยู่ข้างในเธอมัน ห่างไกลกับคำว่าสกปรกไปมาก"
เซ บาสปิดปากของเขา เสียงเท้าของเขาสะท้อนไปกับทางเดินราวกับมันเติมเต็มไปทั่วโลก ซึอาเระดูเหมือนเธอจะตัดสินใจเรื่องนึงขึ้นมา เธอจึงพูดขึ้น
"...ถ้า...มันเป็นอย่างงั้นจริง...งั้นช่วยกอด-"
เซบาสเข้าไปกอดเธอแล้วก่อนที่เธอจะพูดจบ
"คุณงดงามมากสำหรับผม"
ตาของซึอาเระเต็มไปด้วยน้ำตากับการได้ยินคำพูดของเซบาส เซบาสตบหลังเธอเบาๆและค่อยๆปล่อยเธอไป
"ขอโทษด้วยซึอาเระ ตอนนี้คุณหนูคงเรียกแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อน"
"ฉัน'ฉันเข้าใจ..."
เซบาสทิ้งซึอาเระไว้ด้านหลังและเคาะประตู จากนั้นเขาก็เปิดมันโดยไม่รอคำตอบ เขาหันมายิ้มให้ซึอาเระก่อนที่จะปิดประตู
บ้านหลังนี้เป็นสถานที่สำหรับอยู่ชั่วคราวเลยไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์มากนัก ถึงแม้จะมีหลายห้องก็ตาม
อย่างไรก็ตามห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์มากมายเพียงพอให้แขกที่มาประทับใจได้ แต่สำหรับคนที่มีความรู้ในเรื่องนี้ก็จะรู้ว่ามันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทั้งหมดไม่ใช่ของหายากอีกทั้งห้องนี้ยังไม่ค่อยมีสไตล์มากนัก
"คุณหนู, ผมกลับมาแล้ว"
"...ขอบคุณมาก เซบาส"
โซลูชั่นแกล้งทำเป็นนายหญิงของคฤหาสน์หลังนี้ เธอนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง อย่างไรก็ตามนั้นเป็นการแกล้งทำเท่านั้นเพราะซึอาเระอยู่บ้านหลังนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องสวมใส่หน้ากากเป็นคุณหนูจอมเอาแต่ใจไว้ตลอด
ตาของโซลูชั่นถอนออกจากเซบาสและมองไปที่ประตู
"...เธอไปรึยัง?"
"ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"
ทั้งสองคนมองหน้ากันและโซลูชั่นก็พูดตามปกติออกมา
"แล้วเมื่อไรคุณจะจัดการกับเธอ?"
โซลูชั่นถามแบบนี้ทุกครั้งที่พบกับเซบาสและเซบาสก็ให้คำตอบแบบเดียวกันตลอด
"เมื่อเวลามาถึง"
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ในที่สุดมันก็สิ้นสุดเหมือนทุกครั้ง โซลูชั่นถอนหายใจแบบจงใจและไม่ใส่ใจกับคำถามนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้โซลูชั่นไม่ปล่อยเซบาสไปแบบที่ผ่านๆมา เธอยังคงถามต่อ
"...คุณช่วยอธิบายถึงคำว่า เมื่อเวลามาถึง ได้ไหม การซ่อนมนุษย์อยู่แบบนี้มันจะนำเราไปสู่ปัญหาแน่
แล้วแบบนี้มันไม่ขัดต่อคำสั่งของท่านไอซ์หรอ?"
"จนถึงตอนนี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร...การกลัวมนุษย์และกลัวปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นไม่ใช่ทัศนคติที่ข้ารับใช้ของท่านไอซ์ควรมีหรอกนะ"
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา เซบาสหายใจออกเงียบๆ
มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก
ถึงแม้โซลูชั่นไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา แต่เซบาสก็บอกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังเดือดจัดอยู่ ถึงแม้บ้านนี้จะเป็นฐานที่มั่นชั่วคราวแต่โซลูชั่นก็เป็นคนของนาซลิคเช่น เดียวกัน การที่มีมนุษย์มาอยู่ด้วยโดยไม่ได้รับอนุญาติทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
โซ ลูชั่นไม่เคยทำอันตรายใดๆต่อซึอาเระจนถึงบัดนี้ นั้นก็เพราะเธอถูกบังคับจากเซบาส แต่หากมันเป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็คงจะทนได้ไม่นานเหมือนกัน
เซบาสตระหนักดีว่าเวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว
"...ท่านเซบาสถ้ามนุษย์คนนั้นขัดต่อคำสั่งของท่านไอซ์ละคะ"
"-ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะจัดการเธอเอง"
เซบาสจบประโยคโดยไม่ให้โอกาสโซลูชั่นพูดต่อ เธอมองไปที่เซบาสอย่างไร้อารมณ์และพยักหน้า
"ถ้างั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ท่านเซบาสได้โปรดอย่าลืมสิ่งที่คุณพูดไว้ด้วยนะคะ"
"แน่นอน โซลูชั่น"
"...แล้วก็"
เสียงที่เงียบครึมและการแฝงอารมณ์ต่างๆมีพลังเพียงพอให้เซบาสต้องตั้งใจฟัง
"...แล้วก็ท่านเซบาสทำไมเราไม่รายงานเรื่องซึอาเระให้กับท่านไอซ์หละค่ะ"
เซบาสเงียบหลังจากไม่กี่วินาทีเขาจึงตอบกลับ
"ฉันคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก แค่เรื่องมนุษย์คนเดียวจะทำให้ท่านไอซ์เสียเวลาเปล่า"
"...เอ็น โทม่าแล้วก็คนอื่นๆติดต่อด้วยเวทย์[message]มาทุกวัน ทำไมไม่พูดถึงมันขึ้นมาในตอนนั้นหรอคะ...หรือว่ามีบางอย่างที่ต้องหลบซ่อน"
"จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ฉันไม่มีเรื่องปิดบังแบบนั้นหรอก ไม่ต้องใส่ใจเลย"
"นั้นก็หมายความว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเป็นเพราะความต้องการส่วนตัว...ฉันพูดถูกไหมคะ?"
อากาศระหว่างพวกเขาแผ่ขยายมากขึ้น
เซบาสรู้ดีว่าโซลูชั่นตั้งใจพยายามหยิบเรื่องนี้มาพูด เขาตระหนักดีว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย
ทุกคนในนาซาลิค มีความจงรักภักดีอย่างแท้จริงต่อไอซ์ อูล โกว-ต่อตัวตนสูงสุด เป็นเรื่องแน่นอนว่าทุกคนรู้สึกแบบเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ พิทักษ์ หรือแม้แต่ผู้ช่วยพ่อบ้านเอแคร์ผู้วางแผนจะยึดครองนาซาริคแม้แต่ตัวเขาเองก็ มีความจงรักภักดีและเคารพต่อ41สิ่งมีชีวิตสูงสุด
ดั่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เซบาสเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เซบาสรู้สึกว่ามันผิดที่จะทิ้งคนที่น่าสงสารไปและเขาก็กลัวว่าเธอจะตกอยู่ใน อันตราย อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ว่าคนที่นาซาริคจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้แน่
เขาเข้าใจถึงทัศนคติของโซลูชั่นเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เธอต้องการให้เซบาสให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่านี้
โซลูชั่นกำลังจริงจังมาก เธออาจจะหันมาต่อต้านเซบาสได้-ผู้เป็นหนึ่งในผู้บริหารสูงสุดของนาซาริคและ ผู้เป็นหนึ่งในกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดในนาซาริค กระนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคำตอบของเขา
-เซบาสยิ้ม
เมื่อเห็นเซบาสยิ้ม ตาของโซลูชั่นแสดงถึงความประหลาดใจ
"แน่นอน มันไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว ที่ทำให้ฉันไม่รายงานท่านไอซ์"
"มีอะไรยืนยันหรอค่ะ"
"ฉันขอชมเชยว่าเธอคนนั้นมีความสามารถในการทำอาหาร"
"คุณหมายถึง...การทำอาหารของเธอ?"
มันเหมือนกับว่ามีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหัวของโซลูชั่น
"ใช่แล้ว นอกจากนี้มันไม่น่าสงสัยเกินไปหรอถ้ามีคนเพียงแค่สองคนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้?"
"...อาจจะ"
โซลูชั่นไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วยจากจุดนั้น ทุกคนคงจะพบว่ามันแปลกมากที่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้กับมีเพียงคนแค่สองคน
"ฉันรู้สึกว่าพวกเราต้องการคนมาอยู่ด้วย นอกจากนี้มันคงดูไม่แย่หากมีแขกมาบ้าน"
"...คุณจะบอกว่าคุณจะใช้มนุษย์เป็นเครื่องแฝงตัว?"
"ถูกต้อง"
"งั้นทำไมต้องใช้มนุษย์คนนั้น...?"
"ฉันสนใจในตัวซึอาเระ ฉันรู้สึกว่าถึงแม้เธอจะสงสัยพวกเรา เธอก็คงไม่เอาบอกให้ใครรู้ ฉันพูดถูกไหม?"
โซลูชั่นคิดสั้นๆและพยักหน้า
"อืม"
"ดังนั้น นี้เป็นเรื่องพิเศษที่เราไม่จำเป็นต้องขออนุญาติจากท่านไอซ์ ดั่งที่เรารู้ถ้าเป็นท่านไอซ์ก็คงจะบอกว่าเรื่องเล็กๆแค่นี้ ควรจัดการกันเองเลย"
นี้เป็นวิธีที่เซบาสพยายามอธิบายต่อโซลูชั่นที่ยังคงเงียบอยู่
"คุณยอมรับเรื่องนี้ได้รึเปล่า"
"...เข้าใจแล้วค่ะ"
"งั้น,เราจะดำเนินการแบบนี้ต่อไป เพื่อ-"
เซบาสหยุดพูดขึ้นมา เพราะเขาได้ยินคล้ายเสียวัตถุสองอันชนกัน
เสียงเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่ไม่ใช่สำหรับเซบาส
เสียงรบกวนดังขึ้นอีกครั้ง จนเขามั่นใจได้ว่ามีคนจงใจทำมัน
เซบาสเปิดประตูห้องและก้าวเข้าสู่ทางเดินตามความรู้สึกของเขา
พวกเขานิ่งไปเมื่อรู้ว่ามันเป็นเสียงเคาะมาจากประตูใหญ่ ไม่เคยมีใครเคาะประตูตั้งแต่พวกเขามาที่เมืองหลวง พวกเขาดำเนินธุรกิจต่างๆโดยไม่เคยขอให้ใครมาที่บ้าน นั้นเป็นเพราะพวกเขากังวลว่าจะมีคนสงสัยที่บ้านหลังใหญ๋มีคนแค่สองคนเท่า นั้น
และตอนนี้มีคนมาเยี่ยม แน่นอนมันต้องเกิดปัญหาขึ้นบ้าง
เซบาสให้โซลูชั่นไปอยู่ที่ห้อง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูใหญ่และเปิดช่องมองระหว่างประตูออกมา
มันเป็นช่องที่ไม่เล็กมากจนเกินไป เพียงพอให้ทั้งสองฝ่ายเห็นซึ่งกันและกัน
เขาเห็นคนอ้วนยืนอยู่ด้านนอก พร้อมกับทหารของอาณาจักรที่ยืนขนาบอยู่ทั้งสองฝั่ง
ชายอวบอ้วนแต่งกายเรียบร้อยประณีตและสวมเสื้อที่ตัดเย็บพิเศษพอดีกับตัว เขามีเหรียญตราอยู่ที่อกมันทำมาจากทองแดงและสะท้อนแสงสวยงาม หน้าแดงของเขามีแต่เหงื่อเต็มไปด้วยไขมันน่าจะมาจากการรับประทานอาหารมาก เกินไป
ด้านหลังเขาเป็นผู้ชายที่ดูแปลกๆ
ผิวของเขาซีดขาวราวกับไม่เคยโดนแสงอาทิตย์มาก่อน ดวงตาของเขาแหลมคมและใบหน้าที่ผอมซีดของเขามันทำให้ดูเหมือนสัตว์กิน เนื้อ-ที่กินศพเป็นอาหารจริงๆ เขาใส่เสื้อผ้าสีเข้มหลวมๆ ดูแล้วต้องเป็นคนที่มีอาวุธติดตัวแน่นอน
เขาแผ่รังสีอาฆาตพยาบาท ที่เซนพิเศษของเซบาสตรวจจับได้
เซบาสไม่รู้ว่ากลุ่มแปลกๆพวกนี้เป็นใครและต้องการอะไร
"...ไม่ทราบว่า ท่านเป็นใครหรอครับ?"
"ฉันผู้ตรวจการ สเตฟาน ฮาวิซ " เป็นคำรายงานจากผู้ชายอ้วนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาพูดแบบลอยๆราวกับไม่ค่อยใส่ใจ
ผู้ตรวจการเป็นคนของรัฐบาลที่คอยรับคำสั่งในเมืองหลวง หรือจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้บัญชาการทหารกลุ่มทหารลาดตระเวนภายในเมืองหลวง พวกเขาค่อนข้างมีอำนาจที่กว้างขว้าง เซบาสไม่รู้ว่าทำไมพวกเขามาที่นี้ นั้นทำให้เซบาสเป็นกังวลมาก
สเตฟานไม่ใส่ใจเซบาสและยังคงพูดต่อ
"ฉันเชื่อว่าคุณรู้กฎหมายของราชอาณาจักรเรื่องการห้ามค้าทาส...กฎหมายฉบับ นี้ถูกเสนอโดยองค์หญิงเรนเนอร์และมีผลบังคับใช้แล้วหลังจากได้รับการพิจารณา จากรัฐสภา และรายงานฉบับนี้ระบุว่าผู้อยู่อาศัยแห่งนี้ได้ละเมิดกฏหมายนั้น ดังนั้นฉันจึงต้องมาตรวจสอบเรื่องนี้"
สเตฟานเว้นช่วงและพูดอย่างประณีตออกมา "ฉันขอเข้าไปได้ไหม?"
เซบาสลังเลขณะที่เขามีเหงื่อไหลเย็นออกมา
เขาคิดข้อแก้ตัวมากมายที่จะปฎิเสธไม่ให้เขาเข้ามา แต่การไล่เขาไปตอนนี้ก็ยิ่งอาจจะเกิดปัญหาอีกมากในอนาคต
ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าสเตฟานเป็นผู้ตรวจการจริง ข้าราชการของอาณาจักรต้องใส่ป้ายสัญลักษณ์
เหมือนที่สเตฟานใส่ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นของจริงหรือไม่ เท่าที่เซบาสทราบ-การปลอมแปลงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีบทลงโทษที่รุนแรงมาก
หากเป็นดังนั้นสิ่งที่อันตรายควรเป็นการยอมให้พวกเขาเข้ามาในบ้าน แต่นั้นก็ไม่ใช่สำหรับเซบาสหากพวกเขาคิดจะใช้ความรุนแรง เซบาสก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะง่ายต่อเซบาสมาก
เซบาสยังคงเงียบอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าสเตฟานคิดอะไร และเขาก็ถามอีกครั้ง
"งั้นฉันขอพบกับเจ้าของบ้านได้ไหม? แต่ถ้าเจ้านายของคุณไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร เรามาที่นี้เพื่อตรวจสอบ
และจะไม่กลับไปมือเปล่าแน่"
สเตฟานยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่มีการแอบแฝงใดๆ เขาแค่ข่มขู่โดยใช้อำนาจตรงๆ
"ก่อนอื่น ฉันขอถามว่าคนที่อยู่ด้านหลังคุณเป็นใครได้ไหม?"
"หืม? เขาชื่อซัคคูเรน เขาเป็นผู้ให้การเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ เลยทำให้ฉันมาที่นี้"
"ผมชื่อซัคคูเรน ยินดีที่ได้รู้จัก"
หลังจากได้เห็นรอยยิ้มแห้งๆของซัคคูเลนแล้ว เซบาสรู้สึกได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่บอกถึงการผู้ชนะ
รอยยิ้มแห้งๆของเขา เหมือนกับว่าเป็นนักล่าที่กำลังยิ้มเยาะ เหยื่อที่มาติดกับดัก เขาต้องมีการเตรียมการและทำข้อตกลงกันมาแล้ว เขาถึงกล้าทำเช่นนี้ ในกรณีนี้สเตฟานก็คงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย หากเซบาสปฎิเสธใดๆ พวกเขาก็คงไม่ยอมแน่
"...เข้าใจแล้วครับ ผมจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที กรุณารอสักครู่"
"ดีมาก แล้วจะรอๆ"
"อย่างไรก็ตาม ไวๆหน่อยละ พวกเราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ"
สเตฟานหยักไหล่ขณะที่ซัคคูเรนมองอย่างเยาะเย้ย
"เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อน"
เซบาสปิดช่องมองระหว่างประตูลง และเดินไปที่ห้องของโซลูชั่น ก่อนที่จะบอกให้ซึอาเระซ่อนตัว
♦ ♦ ♦
เขาให้ทหารรออยู่ด้านนอก มีแค่สเตฟานและซัคคูเรนที่เข้ามาด้านใน ทั้งคู่คกใจอย่างชัดเจนเมื้อเห็นโซลูชั่น
ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าไม่คาดคิดว่าจะเจอผู้หญิงสวยเช่นนี้ การแสดงออกของสเตฟานค่อยๆเปลี่ยนไปทางลามก ตาของเขาเที่ยวมองระหว่างใบหน้าและหน้าอก ตาของเขามีแววตาชั่วๆออกมา
ตรงกันข้ามกับซัคคูเลนที่ค่อยๆทำตัวตามสบายแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องให้ระวังมากขึ้น เซบาสให้พวกเขานั้งที่โซฟาตรงข้ามกับโซลูชั่น
โซลูชั่นนั้งอยู่ตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสามคนแนะนำตัวให้กันและกัน
"แล้ว มีเรื่องอะไร"
คำถามของโซลูชั่น ทำให้สเตฟานกระแอมแล้วกล่าวว่า
"มีสถานประกอบการบางแห่งรายงานว่าคนงานของเขาถูกเอาตัวไป และในเวลาเดียวกัน ฉันก็ได้ยินมาว่า มีคนใช้เงินจำนวนมากในการซื้อตัวคนงานคนนึงไป ประเทศของเราห้ามค้าทาส...นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังทำผิดกฎหมายของ ประเทศอยู่หรอ?"
เสียงของสเตฟานดูตื่นเต้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่โซลูชั่นก็แสดงออกอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนัก
"โอ้ งั้นเหรอ?"
น้ำเสียงของเธอทำให้ทั้งสองคนขมวดคิ้ว พวกเขาพยายามข่มขู่เธออย่างชัดเจน โดยคาดไม่ถึงว่าเธอจะตอบเช่นนี้
"เรื่องรำคาญพวกนี้ฉันขอปล่อยให้เซบาสจัดการละกัน"
"จะ จะเอาจริงหรอ? หากเรื่องดำเนินไปไม่ได้ด้วยดี คุณอาจจะตกเป็นอาชญากรได้นะ"
"โอ้ยย ฉันกลัวมากเลย ฉันกลายเป็นอาชญากรเมื่อไรแจ้งฉันด้วยนะ เซบาส"
โซลูชั่นยิ้มให้พวกเขาขณะที่เธอลุกขึ้น
"ขอให้สนุกทุกคน"
ไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้ขณะที่เธอเดินจากไป พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่ารอยยิ้มของผู้หญิงคนนี้ทรงพลังขนาดไหน
"-งั้น เรื่องนี้ฉันคงต้องขอรับหน้าที่ ในฐานะคุณหนูให้เอง"
เซบาสยิ้มและนั้งลงแทน สเตฟานถึงกับหดตัวลงขณะเห็นเซบาสยิ้ม ซัคคูเรนจึงตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมาเพื่อควบคุมสถานการณ์
"งั้นก็ตามนั้น ฉันจะบอกคุณให้เอง คุณเซบาส ตามที่คุณฮาวิซได้กล่าวไว้ คนงานหนึ่งคนของเราใน...สถานที่ประกอบการได้หายตัวไป จากการตรวจสอบเราได้พบชายคนนึงเขาให้การว่าได้แลกเธอกับเงินไป นี้มันไม่ใช่การค้าทาสที่เป็นสิ่งต้องห้ามในราชอาณาจักรหรอ? แน่นอนต้องยอมรับว่าพนักงานของเราได้ทำเรื่องนั้นจริงๆ แต่ฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องรายงานเรื่องนี้"
"ถูกต้อง การมีการค้าทาสเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้"
สเตฟานกระแทกโต๊ะ
"เพราะเหตุนี้ ซัคคูเลนถึงกับต้องรายงานเรื่องนี้ถึงแม้มันจะเสี่ยงต่อชื่อเสียงและธุรกิจ ของเขาก็ตาม ดูสิว่าเขาเป็นพลเมืองที่ดีขนาดไหน!"
ซัคคูเรนพยักหน้าขอบคุณสเตฟานที่สนับสนุนเขา
"ขอบคุณมาก ท่านฮาวิซ"
มันเป็นเรื่องตลกอะไรกันเซบาสคิด ทั้งสองคนเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน ในกรณีนี้มันเป็นเรื่องยากที่เซบาสจะชนะ อย่างไรก็ตามเขาต้องลดการสูญเสียของเขา แต่จะทำยังไง?
อะไรกันที่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาชนะ?
ในฐานะพ่อบ้านของนาซาริค เงื่อนไขการชนะจะต้องขจัดปัญหาและไม่ทำให้ส่งผลกระทบต่ออนาคต
แน่นอนว่าซึอาเระไม่เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตาม-
"ฉันเชื่อว่าผู้ชายที่อ้างว่าได้รับเงินอาจจะเป็นพยานเท็จ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?"
"เขาถูกจับคุมในข้อหาค้าทาสและถูกกุมขังอยู่ในขณะนี้ หลังจากการไต่สวนเราทราบว่า-"
"-รูปร่างของคนที่ซื้อคนงานของเราไป คือคุณ คุณเซบาส"
ชายคนนั้นคงจะบอกทุกอย่างที่เขารู้ตอนที่เขาถูกจับ เขาแทบจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปทั้งหมด
เซบาสครุ่นคิดว่าควรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรือจะโต้แย้งอย่างตรงไปตรงมาดี
จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาบอกว่าเธอไม่อยู่ในบ้าน? จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาบอกว่าเธอตายแล้ว?
หลายข้อแก้ตัวโผล่ขึ้นมาในหัวของเขามันอาจจะฟังดูได้ผลแต่พวกเขาคงไม่ยอมแพ้ได้ง่ายๆ มันคงจะดีกว่าถ้าลองถามว่าพวกเขารู้อะไรบ้าง
"งั้นอะไรทำให้พวกคุณมาหาฉัน?คุณมีหลักฐานอะไร"
นั้นเป็นสิ่งที่เซบาสไม่เข้าใจ เขาไม่เคยทิ้งที่อยู่ ชื่อ ร่องรอย พวกเขาไม่น่าพบหลักฐานที่ชี้นำมายังเขาได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มาแล้ว พวกเขามีหลักฐานอะไร? เซบาสมักระวังตัวเสมอตอนนี้ที่เขาไปไหนมาไหน เขาไม่คิดว่าจะมีคนสะกดรอยตามเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้
"มันคือม้วนเวทมนตร์"
เซบาสนึกขึ้นมาได้พอดี
-มันเป็นม้วนเวทมนตร์ที่เขาซื้อ ที่สมาคมเวทมนตร์
ม้วนเวทมนตร์นี้มีรูปร่างงดงามที่แตกต่างจากกระดาษธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ใครเห็นก็ต้องบอกได้ว่าเป็นของจากสมาคมเวทมนตร์ หลังจากตรวจสอบแล้วจะพบว่ามีพ่อบ้านที่มีม้วนเวทย์นี้เคยมาที่นี้
แต่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าซึอาเระอยู่ที่นี้ เขายังคงยืนกรานได้ว่าอาจมีคนคล้ายคลึงกับเขาได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาจะค้นบ้านก็จะพบว่ามีแค่3คนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ที่นี้รวมทั้งซึอาเระด้วย
สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือ ทิ้งชะตากรรมไว้กับทวยเทพ
"...ฉันเป็นคนเอาตัวเธอมา นั้นเป็นความจริง อย่างไรก็ตามเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในเวลานั้นฉันจึงจำเป็นต้องทำเพราะ ฉันกลัวว่าชีวิตของเธอาจจะตกอยู่ในอันตราย"
"หรือก็คือ คุณยอมรับว่าซื้อเธอมา"
"ฉันขอพูดกับคนที่กล่าวอ้างเรื่องนี้ได้ไหม"
"น่าเสียดายเรื่องนั้นเราคงอนุญาติให้ไม่ได้ มันคงแย่แน่ถ้าคุณได้แต่งเรื่องเองตามใจชอบ"
"ถ้างั้นคุณก็-"
ฟังตอนที่เราคุยกัน เซบาสอยากจะบอกแบบนี้ แต่เขาก็ต้องปิดปากลง
เพราะยังไงสุดท้ายพวกเขาก็คงวางแผนเอาไว้แล้ว ถึงแม้เซบาสจะได้พบผู้ชายคนนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้ การดำเนินการต่อด้วยวิธีนี้ มีแต่จะเสียเวลาเปล่า
"...งั้นก่อนอื่น คุณคิดว่าการช่วยคนที่บาดเจ็บอย่างรุนแรงขณะทำงาน ก็มีกฎหมายต่อต้านเรื่องนี้ด้วย
เหรอ?"
"เงือนไขของบริษัทเรานั้นถือว่าเข้มงวดมาก การบาดเจ็บถือเป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้ หากพิจารณาแล้วการทำงานในเหมืองแร่หากได้รับบาดเจ็บก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา"
"...สภาพแบบนั้นก็ด้วยหรอ?"
"ฮาฮาฮา ก็เรามันงานอุตสาหกรรม แต่ก็ได้ฉันจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ในครั้งหน้าเราจะระวังให้มากขึ้นอีกนิดละกัน"
"...อีกนิด?"
"อ่า ใช่ รู้ไหมการกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดมากไปก็ทำให้เสียรายจ่ายเยอะนะ แถมจะนำไปสู่ปัญหาด้วย"
ซัคคูเรนหัวเราะเยาะให้กับคำถามขอเซบาส
ในทางกลับกันเซบาสยิ้้ม
"-เอาละ นั้นเป็นข้อมูลที่เพียงพอแล้ว"
สเตฟานถอนหายใจ ทัศนคติของซัคคูเรนมันใช้ได้แค่กับคนโง่เท่านั้น
"หน้าที่ของฉันคือตรวจสอบการค้าทาสที่ยังคงดำเนินการอยู่ แต่เรื่องความอยู่ดีกินดีของคนงานมันก็เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฉันจะพูดก็คือมันไม่มีผลต่อรูปคดีทั้งสิ้น"
"...งั้น ช่วยบอกได้ไหมใครเป็นผู้ดูแลกฎหมายในเรื่องนั้น?"
"...อืมฉันก็อยากจะบอกอยู่หรอก แต่มันมีปัญหาอยู่นี้สิ เพราะการไปยุ่งกับธุรกิจของคนอื่นเนี่ยก็จะมีแต่การได้รับความขุ่นเคืองใจนะ"
"...งั้น ช่วยรอจนกว่า ฉันจะหาคนที่รับผิดชอบเรื่องนั้นได้ไหม"
สเตฟานยิ้มอย่างชั่วร้าย ราวกับกำลังรอให้เซบาสพูดเรื่องนี้
ซัคคูเรนก็เช่นกัน
"...อ่า ฉันก็อยากจะรออยู่หรอก แต่ธุรกิจนี้ได้ฟ้องคดีเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นฉันทำได้แค่ต้องจับกุมคุณและเริ่มทำการสืบสวนเท่านั้น"
หรือก็คือเขาหมดเวลาแล้ว
"หากพิจารณาถึงสถานการณ์และหลักฐานทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าคุณมีความผิด เราสามารถจับกุมคุณได้ทันที แต่ว่าผู้ร้องเรียนของคุณยินดีที่จะผ่อนปลนได้บ้าง เราสามารถทำลายเอกสารการค้าทาสนี้แลกกับเงินชดเชยเล็กๆน้อยๆ
"หมายความว่ายังไง"
"ก็ก่อนอื่นเราคงต้องขอให้คุณส่งคืนพนักงานคนนั้นให้กับเราก่อนและจ่ายเงิน สำหรับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นตอนที่คุณเอาคนงานคนนั้นไป"
"แล้วมันเป็นจำนวนเงินเท่าไร?"
"ถ้าเป็นมูลค่าเหรียญทอง...ก็ 300 เหรียญ จากทั้งหมด 400 เหรียญ อีก100ฉันลดให้ คิดว่าไง?"
"...นี้เป็นผลรวมทั้งหมดสินะ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหม? ทำไมมันถึงมีมูลค่าเท่านั้น คนงานของคุณทำเงินในแต่ละวันได้เท่าไร?"
"เดียวก่อน ๆ" สเตฟานขัดจังหวะ "ยังไม่หมดคุณซัคคูเรน"
"อ่าฉันเกือบลืมเลย ยังมีเกี่ยวกับค่าทำลายเอกสารพวกนี้อีก"
"ทำลายเอกสารพวกนี้ก็จะคิดเป็นหนึ่งในสามของค่าชดเชยละกัน นั้นก็คืออีก 100 เหรียญ ถ้ารวมยอดทั้งหมดก็จะเป็น500เหรียญทอง"
"แล้วเงินที่ฉันจ่ายเพื่อนำเธอมาที่นี้หล่ะ?"
"หา จะทำงั้นได้ไง? หากคุณทำข้อตกลงเรื่องนี้กับเราแล้ว ก็หมายความว่าคุณไม่เคยซื้่อเธอมาก่อน
แค่จินตนาการว่าเงินส่วนนั้นคุณทำหายเอาละกัน"
แน่นอนว่าเงินส่วนนั้นถูกพบและเข้าไปในกระเป๋าพวกนั้นแล้ว
"...ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หากพาเธอไปตอนนี้อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ฉันคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าให้เธอพักรักษาตัวอยู่ที่นี้ก่อนสักระยะ คิดว่าไง?"
ดวงตาของซัคคูเรนแวววาวขึ้นมา
เซบาสได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของเขาทันที เพราะเขาได้แสดงออกว่าซึอาเระสำคัญต่อเขาแค่ไหน
"อืม อืม มีเหตุผลแต่ว่าถ้าเธอเสียชีวิตขึ้นมาคุณก็ต้องจ่ายอยู่ดีนะ แล้วก็ระหว่างรอเธอพักฟื้นทำไมไม่ให้พวกเราได้สนุกกับคุณหนูเจ้าของบ้าน หน่อยละ?"
"โอ้ว พูดถูกๆ "
มีรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้าของสเตฟาน เขากำลังจินตนาการถึงการได้ปลดเปลื้องโซลูชั่น
รอยยิ้มจางหายไปจางใบหน้าเซบาส เขาทำหน้าเย็นชาแทน
ซัคคูเรนอาจจะแค่ล้อเล่น แต่หากเซบาสแสดงจุดอ่อนใดๆให้เห็นอีก สถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงไปกว่าเก่า
"...ไม่กลัวว่าความปรารถนาจะทำให้เกิดปัญหาเอาหรอ?"
"แกกล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนี้?!"
สเตฟานทำหน้าโกรธและตะโกนออกมา
"แกหมายความว่ายังไง ความปรารถนาหรอ? ความปรารถนาฉันคือทำให้ประรุ่งโรจน์โดยผ่านการสนับสนุนกฎหมายขององค์เรน เนอร์! กล้าดียังไงใช้คำว่าปรารถนาด้วยเหตุผลแบบนั้นกับฉัน ให้ความเคารพกันบ้าง!"
ขอบคุณมากครับบ ^^
ตอบลบ